เสพย์สากล
News Column Interview Review Songs

สัมภาษณ์ : YUNGBLUD ความพิลึกในอัลบั้มใหม่ Weird! ที่เหมือนกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกา

16 พ.ย. 2020 (2 ปีที่แล้ว)

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนของคุณ

Dominic Richard Harrison หรือที่รู้จักกันในนาม YUNGBLUD ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่น่าจับตามองของวงการ ด้วยภาพลักษณ์ที่พิลึกพิลั่น และการผสมผสานแนวดนตรีต่างๆ เข้ากันอย่างฉูดฉาด ทำให้ชื่อของ YUNGBLUD เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากอัลบั้มเดบิวท์ 21st Century Liability เมื่อ 2 ปีที่แล้ว รวมถึงร่วมงานกับศิลปินหลากหลายแนว เช่น Halsey, Machine Gun Kelly, Travis Barker, Marshmello รวมถึงเพลง "OBEY" ที่ได้ร่วมงานกับ Bring Me The Horizon

ล่าสุดเสพย์สากลได้มีโอกาสสัมภาษณ์ YUNGBLUD ตั้งแต่ความคิดสร้างสรรค์ในการร่วมงานกับศิลปินคนอื่นๆ ตัวตนและภาพลักษณ์ที่แปลกแยก และโดยเฉพาะอัลบั้มชุดล่าสุด Weird! ที่จะปล่อย 4 ธันวาคมนี้ 

รู้สึกอย่างไรที่ได้ร่วมงานกับ BMTH ในเพลง Obey เล่าถึงกระบวนการทำงานของเพลงนี้ให้ฟังหน่อยสิ

การได้ร่วมงานกับ BMTH เป็นเรื่องที่บ้ามากเลยครับ ผมเคยไปต่อคิวดูคอนเสิร์ตของพวกเขามาก่อน การที่วงร็อคที่เป็นไอดอลของคุณมาขอให้คุณร่วมงานในเพลงของพวกเขานี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สุดเลยครับ ผมจะได้ว่าโอลลี่โทรมาหาผม ถามผมว่าผมอยากทำงานกับเขาไหม เขาบอกว่าเขาชอบที่ผมพูดว่าทุกคนควรจะมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ต้องมาให้คนอื่นบอกว่าควรจะประพฤติตัวอย่างไร 

รวมถึงทัศนคติ ‘อย่ามายุ่งกับกู’ เวลามีคนมากดขี่ หรือห้ามไม่ให้คุณแสดงความคิดเห็นของตัวเอง มันเป็นกระบวนการการทำงานที่น่าทึ่งสุดๆ เลยล่ะครับ ผมคิดว่านักดนตรีร็อคแอนด์โรลล์ต้องมาจับมือกันเพื่อสร้างสรรค์อะไรสักอย่าง และการท่ีผมได้มาจับมือกับ BMTH นี่ก็เป็นเรื่องที่บ้ามากๆ เลยล่ะครับ

สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าส่งผลกระทบอะไรต่อการทำอัลบั้ม Weird! ของคุณบ้าง

เพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มถูกเขียนขึ้นก่อนเกิดเรื่องครับ แต่มันก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้กับสถานการณ์นี้อย่างประหลาด ผมคิดว่าถ้าคุณกระตือรือร้นและตั้งใจทำงานตลอดเวลา คุณก็จะไม่สนใจสถานการณ์รอบตัวสักเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าการที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนมาไหนทำให้ผมมีเวลาคิดอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น ผมว่าการได้คิดหาคำมาลงในเนื้อเพลงให้ลงตัวทั้งอัลบั้มนี้เป็นเรื่องที่บ้ามากๆ เลยทีเดียวครับ

แล้วทำไมถึงตั้งชื่ออัลบั้มนี้ว่า Weird! ล่ะ

ผมคิดว่า ถึงคุณจะทำลืมๆ ถึงเรื่องโรคระบาดที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้ไปแล้ว ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอก ผมอยากให้อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่เฉลิมฉลองขวบปีที่พิลึกที่สุดในชีวิตของพวกเรา มันคือเรื่องราวของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นอัลบั้มที่ช่วยให้คุณตกตะกอนเรื่องราวบ้าบอต่างๆ ในชีวิตทั้งในเรื่องเพศ ตัวตน ยา ความรัก การอกหัก อาการตื่นตระหนกและอาการซึมเศร้า ผมอยากให้มันเป็นอัลบั้มเกี่ยวกับชีวิต และ ‘พิลึก’ ก็เป็นคำที่ผมได้ยินวนไปวนมาอยู่ในหัวทุกวี่ทุกวันนั่นเองครับ 

อาร์ตเวิร์คปกอัลบั้ม Weird! ทำให้เรานึกถึงภาพยนตร์เรื่อง This Is England นะ มีคอนเซ็ปต์อะไรเบื้องหลังมันเหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ

ผมอยากให้ปกอัลบั้มนี้มันดูอังกฤษจ๋าๆ เลยน่ะ แต่ก็อยากจะให้มันเป็นภาพวาดที่มีความเป็นศิลปะสูงๆ แบบที่เวลาคุณมองมัน คุณจะสามารถตีความออกมาได้ไม่ต่ำกว่า 15 แบบ อะไรแบบนั่น ผมว่าภาพนี้มีรายละเอียดเยอะแยะเสียจนแฟนๆ ของผม และคนอื่นๆ ที่ได้เห็นมันจะสามารถเห็นอะไรใหม่ๆ ได้ทุกครั้งที่มองมันน่ะ 

ผมอยากจะให้อัลบั้มนี้สะท้อนว่าพวกเราเองก็มีบุคลิกในตัวไม่ต่ำกว่า 15 บุคลิกหรอก ผมคิดว่าการยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล และของตัวเองนี้คือหนทางแห่งการเดินทางสู่ความสงบ และผมอยากจะให้อัลบั้มนี้สื่อสารออกไปแบบนี้ล่ะครับ

งั้นพวกเราคาดหวังอะไรจาก Weird! บ้าง

มันคือรถไฟเหาะตีลังกาน่ะคุณ! ทั้งในเรื่องของประเภทเพลง เนื้อหาที่ต้องการจะสื่อ และจังหวะด้วยนะ ผมคงไม่อธิบายเป็นอย่างอื่นหรอก สองสามปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีที่จะยืน เหมือนกระโดดจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งตลอดเวลา และผมอยากจะให้อัลบั้มนี้ถ่ายทอดความรู้สึกตรงนั้นออกมาให้ได้ และอยากจะห่อหุ้มมันด้วยแพสชั่นการทำงานของผมด้วยครับ 

เพลง cotton candy นี่เป็นเพลงที่พูดแทนชาว LGBT ใช่ไหม บอกอะไรเกี่ยวกับเพลงนี้หน่อยสิ

ใช่แล้ว ผมแต่งเพลงนี้ด้วยความเชื่อที่จะทำลายกำแพงทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องเพศให้หมด ดังนั้น มันเป็นเพลงที่พูดแทนทุกคนนั่นล่ะครับ เป็นเพลงที่อธิบายว่าคุณจะต้องแลกกับอะไรต่างๆ มากมายเพียงเพื่อที่จะค้นพบว่าคุณเป็นคนอย่างไรกันแน่ ผมคิดว่าเซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องผิดบาป และการมีเซ็กซ์กับหลายๆ คนไม่ใช่เรื่องน่าอาย เป็นเรื่องที่เราควรจะเฉลิมฉลองเสียด้วยซ้ำไป

คุณได้ร่วมงานกับศิลปินมากมาย อะไรทำให้คุณตัดสินใจร่วมงานกับพวกเขาตั้งแต่แรกกัน

ผมรักการที่ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากการพบคนใหม่ๆ ผมรักคนที่มีแพสชั่นในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ และผมรักคนที่เป็นตัวเอง 100% พวกเขาเปิดโลกของผมจริงๆ

คุณทำดนตรีมาหลากหลายแนวมาก มีแนวไหนที่คุณอยากทำอีกไหม

ผมอยากทำแจ๊สแบบที่ Amy Winehouse ทำ อยากทำเพลงที่ร้องในโบสถ์ด้วยนะ แบบบทสวดน่ะ อย่างที่ผมบอกไปบ่อยๆ น่ะว่า YUNGBLUD ไม่มีแนวเพลงที่ชัดเจน ถึงคนจะเห็นว่าผมเป็นศิลปินแนวร็อค แต่สิ่งที่บอกความเป็นร็อคแอนด์โรลล์ได้จริงๆ คือทัศนคติและความหมายที่ผมใส่ไว้ในเพลงของผมต่างหากล่ะ

ช่วงที่ทุกคนต้องกักตัวระหว่างสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า อะไรทำให้คุณหมดพลังใจที่สุดในการทำเพลงใหม่ๆ 

มันยากมากเลยครับ ตอนนั้นทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความไม่มั่นคง เหมือนมันมายืนจ้องหน้าคุณอยู่ทุกหัวถนนเลยครับ แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเชื่อมโยงกับแฟนๆ ตัวเองได้มากขตนาดนี้มาก่อนเลยนะครับ ผมเลยได้ไอเดียมาขยายต่อว่า ถึงพวกเราจะสัมผัสกันไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเรามีความรู้สึกต่อกันไม่ได้นี่นา

นิยามปี 2020 ของคุณในหนึ่งคำหน่อยสิ

Weird! - พิลึกครับ 

แปล/เรียบเรียง: Maya

#INTERVIEW #YUNGBLUD

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนของคุณ

Recommended

Linkin Park ปล่อยเพลงใหม่ "Fighting Myself" งานเพลงจากยุค Meteora The National ปล่อยมิวสิกวิดีโอ "Eucalyptus" ซิงเกิ้ลจากอัลบั้ม First Two Pages of Frankenstein มาตามนัด! Linkin Park อัพเกรดเอ็มวี "Numb" ความชัดระดับ 4K Linkin Park เพิ่มระดับความชัดเอ็มวี "Faint" เป็นระดับ 4K Linkin Park อัพเกรดเอ็มวี "Somewhere I Belong" ความชัดระดับ 4K

Follow us on

  •  Facebook
  •  Twitter
  •  Instagram
  •  Youtube

ติดต่อเรา

  •  sepsakon@gmail.com

เสพย์สากล

Music in whatever