เรื่องราวของ Jeremy Zucker ชายผู้เป็นเจ้าของเพลง "comethru" ที่มียอดฟังทั่วโลกเกิน 100 ล้านครั้ง
Jeremy Zucker คือศิลปินอเมริกันวัย 22 ปี ที่หลายคนกำลังพูดถึงเขามากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับความแมสของเพลง "comethru" ที่ปัจจุบัน (22 กรกฎาคม 2019) มียอดชมบน Youtube ถึง 97 ล้าน ในขณะบน Spotify มียอดฟังกว่า 147 ล้าน เรียกได้ว่า "comethru" เป็นซิงเกิ้ลที่ทำให้หลายคนรู้จักชื่อของ Jeremy Zucker
ในวัยเด็กเจเรมีเริ่มต้นจากการเรียนเปียโน แต่สุดท้ายเขากลับหลงเสน่ห์ในกีตาร์มากกว่า เพราะเวลานั้นเขาคลั่งไคล้เพลงพังก์แบบ Blink-182 ที่เต็มไปด้วยการสาดกีตาร์สนุกๆ และยังเป็นวงที่ทำให้เจเรมีเริ่มต้นเขียนเพลงเป็นครั้งแรก
อาจพูดได้ว่า Blink-182 คือวงที่ทำให้เจเรมีเริ่มเขียนเพลงก็จริง แต่วงที่ช่วยเปิดโลกในการเขียนเพลงของเจเรีมีคือ Kinetics & One Love ดูโอนิวยอร์กที่มีผลงานโดดเด่นด้านการเขียนเพลงเบื้องหลัง โดยผลงานที่ดังที่สุดของ Kinetics & One Love คงหนีไม่พ้นการเขียน "Airplanes" เพลงดังของ B.o.B.
นอกจากนี้ Kinetics & One Love ยังเผยว่าพวกเขาทำเพลงผ่านแอพพลิเคชั่น GarageBand ทำให้เจรีมีรู้สึกว่าการทำเพลงด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยากเกินจินตนาการ เช่นเดียวกับนักดนตรีในยุคนี้ที่ใครๆ ก็เริ่มต้นจากการทำเพลงผ่านสมาร์ทโฟนตัวเองแทบทั้งนั้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังเมามันส์ไปกับชีวิตมหาลัยปีแรก เจเรมีเริ่มปล่อยเพลงที่เขียนและโปรดิวซ์เองผ่านทางแพลตฟอร์ม SoundCloud และต้องพบกับความผิดหวังครั้งแรก เมื่อคนฟังเพลงของเขามีเพียงหลักร้อย ทำให้เจเรมีรู้ซึ้งถึงบทเรียนสำคัญว่า ความสำเร็จอาจต้องใช้เวลา
จนกระทั่งเจเรมีลงเพลงใน Spotify แอพฟังเพลงทรงอิทธิพลที่มีระบบอัลกอริทึ่มอันชาญฉลาด ซึ่งช่วยแนะนำเพลงเจเรมีจนกระจายตัวอย่างรวดเร็ว จากที่เคยมีคนฟังเป็นหลักร้อย ก็กลายเป็นหลักพัน ไปถึงหลักหมื่น ชื่อของเขาเริ่มแตะหูค่ายใหญ่ๆ และไม่นานนักเจเรมีก็ได้เซ็นสัญญากับ Republic Records ค่ายเพลงที่เคยปลุกปั้นซูเปอร์สตาร์ประดับวงการ เช่น The Weeknd, Post Malone, Amy Winehouse และคนอื่นๆ อีกมากมาย
แนวเพลงของ Jeremy Zucker ก็เป็นอีกประเด็นที่แฟนเพลงเถียงกันไม่รู้จบว่าเป็นแนวอะไรกันแน่ เพราะมีการใส่กลิ่นอายของป็อป, อิเล็กโทรนิกส์, โฟล์ก แต่ทุกเพลงจะมีการเรียบเรียงมู้ดแอนด์โทน ใส่แอมเบี้ยนจางและหนักแล้วแต่เพลง ประกอบกับความไพเราะของทำนองราวกับถูกไตร่ตรองมาอย่างดี ในขณะที่เจเรมีพูดถึงเรื่องของแนวเพลงว่า
"ผมไม่ชอบเรื่องการนิยามแนวเพลงเลยครับ มันดูซ้ำซากเวลาต้องอธิบาย" เจเรมีพูดเสริมต่อ "มันไม่มีเส้นกั้นระหว่างแนวเพลงหรอก บางทีก็นิยามแนวเพลงใหม่ขึ้นมาทั้งที่มันอาจไม่มีตัวตน คุณสามารถพูดได้ว่านี่คืออินดี้ป็อป แต่คำว่าอินดี้ป็อปจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่"
หากลองดูจำนวนผลงานของ Jeremy Zucker จะเห็นได้ว่า เขาก็มีผลงานอีพีจำนวนหนึ่ง แต่จุดเปลี่ยนชีวิตของเขาอยู่ที่ซิงเกิ้ล "comethru" ที่มียอดวิวบน Youtube ที่ใกล้เคียงจะเหยียบหลัก 100 ล้านครั้งมากขึ้นทุกที แม้เพลงไม่ได้มีความฉูดฉาดอะไรมากมาย แต่เสียงนุ่มๆ ของเจเรมี กับเสียงกีตาร์ ก็ทำให้ "comethru" ลงตัวจนกลายเป็นเพลงที่ใครหลายคนเปิดฟังทุกวัน
"comethru คือเพลงที่แสดงถึงการตอบโต้ความรู้สึกผมหลังจากจบมหาวิทยาลัยครับ ตอนนั้นผมกลับบ้านที่นิวเจอร์ซี ที่ๆ ผมโตมาตั้งแต่เด็ก มันก็รู้สึกแปลกๆ นะที่เราจบมาพร้อมกับการเซ็นสัญญากับค่ายเพลง แต่ซัมเมอร์นั้นผมต้องขลุกตัวทำเพลงอยู่ชั้นใต้ดิน ทั้งที่ฤดูร้อนมันต้องให้ความรู้สึกถึงอิสระของวัยรุ่นและความสนุกสิ" เจเรีมีกล่าวสรุป "comethru ก็คือเพลงที่เกี่ยวกับสมดุลชีวิตแหละครับ"
ถึงแม้ Jeremy Zucker ต้องแลกอิสระช่วงฤดูร้อนนั้นไปกับการทำเพลงให้ทันทัวร์คอนเสิร์ต แต่เชือว่ามันคือการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า นอกจากจะได้เพลง "comethru" ไม่กี่เดือนต่อมาเจเรมียังมีคิวทัวร์คอนเสิร์ตถี่ยับ (22 โชว์ในเวลา 2 เดือน) และมีแผนทำเพลงอื่นๆ อีก ราวกับเป็นเครื่องจักรที่สามารถปล่อยเพลงออกมาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
"comethru" ยังเป็นประตูบานสำคัญที่นำแฟนๆ ของเขาไปสู่เพลงอื่นๆ ของเจเรมีอีก ไม่ว่าจะเป็นเพลง "all the kids are depressed", "talk is overated", "better of" "stay with me" รวมถึงอีพีล่าสุด 'brent' ที่ทำร่วมกับศิลปินสาว Chelsea Cutler จะเห็นได้ว่ามิติของเพลง Jeremy Zucker ไม่ตายตัวและยากที่จะนิยามแนวเพลง ด้วยศักยภาพขนาดนี้ Jeremy Zucker มีค่าเกินกว่าที่จะถูกเรียกเป็นศิลปินในลิสต์ "วัน ฮิต วอนเดอร์" อย่างแน่นอน
Source:
• Premiere: Jeremy Zucker's "comethru" Is an Ode to His Transitional Summer
• Jeremy Zucker Talks 'all the kids are depressed' Video & Preparing for First Headlining Tour
Photo By Meredith Truax