สัมภาษณ์: NIKI ศิลปินอินโดนีเซียกับฝันที่อยากเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวเอเชีย
ใครที่เป็นแฟนตัวยงของค่ายเพลง 88rising เชื่อว่าต้องรู้จักชื่อของ ‘NIKI’ ศิลปินหญิงชาวอินโดนีเซียที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ บทเพลงดังของเธออย่าง “I LIKE U” และ “lowkey” กลายเป็นเพลงฮิตที่กลุ่มนักฟังเพลงรุ่นใหม่แชร์กันบ่อยครั้งผ่านโซเชียลมีเดีย และ NIKI ยังเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนเพลงชาวไทยมากขึ้น หลังเธอได้ร่วมงานกับ Phum Viphurit ในเพลง “Strange Land”
น้ำเสียงนุ่มนวลอันเป็นเอกลักษณ์ รวมกับคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นทำให้ NIKI เป็นศิลปินมากความสามารถที่ถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการหยิบยกกลิ่นอายความเป็นเอเชียมาผสมผสานในดนตรีสไตล์อาร์แอนด์บีของเธอ ยิ่งเป็นการสะท้อนตัวตนและความภาคภูมิใจในความเป็นเอเชียให้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น
เสพย์สากล ได้มีโอกาสพูดคุยกับ NIKI ผ่านอีเมล ถึงผลงานอัลบั้มเต็มชุดล่าสุด ‘Moonchild’ ที่จะปล่อยให้ฟังกันในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงมุมมองความคิด และเรื่องราวต่างๆ ที่สะท้อนตัวตนของเธอผ่านดนตรี ถือว่าเป็นศิลปินหญิงชาวเอเชียที่มีบทบาทอย่างมากต่อคนรุ่นใหม่ในขณะนี้
ตั้งแต่วัยเด็กคุณโตมากับการฟังเพลงแบบไหน และใครคือศิลปินที่มีอิทธิพลต่อคุณ
ฉันโตมากับการฟังอาร์แอนด์บี เพราะแม่ของฉันชอบเปิดให้ฟัง แต่เมื่อโตขึ้นฉันก็จมอยู่กับเนื้อเพลงและบทกวีที่อยู่ในดนตรีโฟล์กและอินดี้ ฉันคงไม่สามารถลิสต์ออกมาได้ว่าใครมีอิทธิพลมากที่สุด เพราะมีเยอะมากจริงๆ
เพลงของคุณจัดอยู่ในประเภทไหน
ฉันไม่อยากจะจำแนกประเภทเพลงของตัวเองนะ เพราะดนตรีก็คือดนตรี และการจัดประเภทเพลงในยุคนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญมากแล้ว ฉันคิดแค่ทำดนตรีแบบไหนก็ได้ที่สามารถให้แรงบันดาลใจแก่ฉัน ฉันชอบที่จะเป็นคนที่มีความถนัดหลายอย่าง
เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการได้เข้าสังกัด 88rising ให้ฟังหน่อย
ฉันทำเดโม่เพลงกับ Rich Brian ค่ะ และเขาก็นำเดโม่ไปให้ Sean ซึ่งตอนนี้คือผู้จัดการของพวกเรานี่แหละ เพลงที่เราทำกันในวันนั้นได้กลายเป็นแทร็กที่ชื่อว่า “See U Never” ถือเป็นซิงเกิ้ลแรกของฉันกับทางค่าย 88rising
รู้สึกอย่างไรที่สื่อดนตรีตั้งฉายาให้คุณว่า “เจ้าหญิงแห่งวงการอาร์แอนด์บี”
เป็นอะไรที่น่ารักมากเลย ขอบคุณมากนะ แม้ว่าจริงๆ แล้วฉันจะไม่ได้นิยามตัวเองว่าเป็นศิลปินอาร์แอนด์บีก็ตาม ฉายานั้นอาจจะจำกัดตัวเองไปหน่อย แต่อย่างไรก็ยังเป็นเรื่องราวที่ดีสำหรับฉันค่ะ
ประสบการณ์ในการร่วมงานกับศิลปินไทย Phum Viphurit ในเพลง "Strange Land" มีอะไรประทับใจบ้าง
ฉันรัก Phum Viphurit มากค่ะ เขาเป็นศิลปินมากความสามารถจริงๆ งานของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์และความสดใหม่ที่สะท้อนถึงดนตรีเอเชีย รู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆ ที่เราได้ทำงานร่วมกัน และฉันรักเพลงนี้มาก “Strange Land” กลายเป็นหนึ่งในเพลงโปรดของฉันเลยล่ะ
แฟนเพลงชาวไทยชอบเพลง “lowkey” ของคุณมาก เล่าที่มาของเพลงนี้ให้ฟังหน่อย
ฉันเขียนเพลงนี้ร่วมกับ Maisie Peters ตอนที่เธอกำลังอยู่ที่ลอสแอนเจลิส ฉันเริ่มเขียนเพลง “lowkey” ขึ้นด้วยตัวเอง แต่ก็ยังรู้สึกไม่ใช่และทำไม่เสร็จสักที ฉันเลยขอความช่วยเหลือจากเธอค่ะ อยากให้เธอช่วยเขียนเพลงนี้ให้จบ ฉันจึงไปหาเธอและถือเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน ทุกวันนี้ฉันกับ Maisie Peters เป็นเพื่อนสนิทกัน เพลงนี้จึงมีความพิเศษมากๆ สำหรับฉัน
อะไรคือแรงบันดาลใจและคอนเซปต์ที่อยู่เบื้องหลังเพลง “Switchblade”
“Switchblade” คือเพลงที่พูดถึงความกล้าที่จะเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางของฉันเองค่ะ เรื่องที่ฉันตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ประเทศใหม่ด้วยตัวเอง มันต้องใช้ความกล้าหาญมากเลยนะ เพลงนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องนี้แหละ
แล้วซิงเกิ้ลใหม่อย่าง “Selene” ล่ะ
Selene คือชื่อของเทพีแห่งดวงจันทร์ในตำนานปกรณัมกรีก ซึ่งอัลบั้มของฉันใช้ชื่อว่า Moonchild ฉันคิดว่ามันสมบูรณ์แบบเหมาะเจาะมากๆ เพราะโดยส่วนตัวฉันชื่นชอบเรื่องราวของเทพนิยายกรีก ก็เลยคิดว่าคงจะเจ๋งดีนะถ้าฉันสื่อออกมาผ่านบทเพลงนี้
คุณต้องการสื่อสารข้อความอะไรผ่านอัลบั้ม Moonchild
ฉันใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการทำอัลบั้มชุดนี้ มันคล้ายกับหนังสือเพลงนะคะ เพราะทุกๆ เพลงในอัลบั้มจะมีความเชื่อมโยงกับอีกเพลงหนึ่งเสมอ จนกลายเป็นเรื่องราวของอัลบั้ม Moonchild ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของฉันที่บันทึกเรื่องราวระหว่างการเดินทางสุดพิเศษในครั้งนี้
สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้คอนเสิร์ตทั้งหมดต้องยกเลิก รวมถึงคอนเสิร์ตของคุณในประเทศไทยด้วย คุณมีความคิดเห็นอย่างไร
ช่วงเวลาที่ผ่านมาถือเป็นช่วงที่ยากลำบากของโลกเราเลยค่ะ แต่ฉันก็พยายามมองโลกในแง่บวกนะ ฉันคิดว่านี่อาจจะเป็นจังหวะที่ดีให้ได้ทบทวนและพยายามโฟกัสกับสิ่งสำคัญในชีวิตให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ ถือเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตเลยนะคะ เราจำเป็นต้องใส่ใจทั้งสุขภาพของตัวเองและคนอื่นๆ ในช่วงเวลานี้ก็หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย และ Social Distancing กันด้วยนะ
ศิลปินคนไหนที่คุณอยากจะร่วมงานด้วยมากที่สุดในอนาคต
ฉันอยากร่วมงานกับ ‘ลิซ่า’ จากวงเกิร์ลกรุ๊ป Black Pink ค่ะ เธอน่ารักมากๆ เลย เป็นสมบัติของประเทศไทยเลยนะนั่น
เป้าหมายสูงสุดของคุณบนเส้นทางการเป็นศิลปินคืออะไร
ฉันอยากจะนำเสนอความเป็นคนเอเชียออกไปให้มากที่สุด และอยากจะเป็นต้นแบบแรงบันดาลใจให้แก่ชาวเอเชียทุกคนที่มีความฝันและต้องการไล่ตามความฝันของตัวเองในด้านการสร้างสรรค์ศิลปะด้านต่างๆ ฉันอยากให้พวกเขาเห็นสิ่งที่ฉันกำลังพยายามทำอยู่ แล้วรู้สึกได้รับแรงกระตุ้นหรือมีกำลังใจที่จะกล้าทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการบ้าง
สุดท้ายนี้ อยากฝากอะไรถึงแฟนเพลงชาวไทยบ้าง
ถึงแฟนชาวไทยทุกคน ขอบคุณมากที่ฟังเพลงของฉัน และให้การสนับสนุนฉันอย่างต่อเนื่อง ฉันหวังว่าคุณจะรักอัลบั้ม Moonchild รักษาตัวเองและสุขภาพด้วยนะคะ
แปล/เรียบเรียง: ตติ