ทำความรู้จัก NIKI ศิลปินหญิงจากค่ายเพลง 88rising เพชรเจิดจรัสแห่งวงการอาร์แอนด์บี
หากพูดถึงค่ายเพลง 88rising นอกจากศิลปินยอดนิยมอย่าง Joji, Jackson Wang หรือ Rich Brian ที่คนไทยรู้จักกันดีแล้ว ยังมี 'NIKI' ศิลปินหญิงชาวอินโดนีเซีย วัย 21 ปี ที่กลายเป็นอีกหนึ่งตัวชูโรงของค่ายนี้
NIKI มีชื่อว่า Nicole Zefanya เกิดในปี 1999 และเติบโตที่กรุงจาการ์ตา เธอสนใจดนตรีอาร์แอนด์บีมาตั้งแต่วัยเด็ก ตอนอายุ 5 ขวบเธอได้รับเปียโนเป็นของขวัญวันเกิด ต่อมาได้มีโอกาสร้องเพลงในโบสถ์จากการสนับสนุนของแม่ โดยศิลปินที่มีอิทธิพลและกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญด้านดนตรี ได้แก่ Destiny’s Child, Alicia Keys, Mariah Carey และ Boyz 2 Men
ปี 2010 เธอเริ่มเส้นทางการเป็นศิลปินมือสมัครเล่นด้วยการโพสต์คลิปวิดีโอร้องเพลงคัฟเวอร์ลงใน YouTube ที่มีผู้ติดตามเริ่มต้นมากกว่า 40,000 คน สำหรับผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จักในขณะนั้นคือ "Polaroid Boy" และ "Anaheim"
จุดเด่นของ NIKI คือเสียงร้องที่มีน้ำเสียงอาร์แอนด์บีนุ่มๆ ชวนหลงใหล เธอเริ่มเขียนเพลงและโปรดิวซ์เพลงเองจนกลายเป็นขวัญใจโลกออนไลน์ นำไปสู่การเป็นศิลปินหญิงที่เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ในปี 2013 เธอยังได้รับเลือกให้เป็นศิลปินที่เล่นเปิดคอนเสิร์ตให้ Taylor Swift ในทัวร์ Red Tour ที่ประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
จนกระทั่งปี 2017 ค่ายเพลง 88rising ซึ่งถือเป็นค่ายที่มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นทั้งในแง่ดนตรีและเทรนด์แฟชั่น ได้ยื่นสัญญาให้เซ็นเข้าเป็นศิลปินในสังกัด NIKI ย้ายไปศึกษาต่อที่รัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับทำงานเพลงไปด้วย ในที่สุดเธอก็ปล่อยเพลงที่มีชื่อว่า "See U Never" และ “I LIKE U” ถือเป็นซิงเกิ้ลแรกๆ หลังการร่วมงานกับ 88rising
"แม้ว่า 88rising จะเป็นเหมือนคลับที่พวกผู้ชายมารวมตัวกัน ฉันเป็นศิลปินหญิงที่เข้าไปร่วมแจมในภายหลัง แต่พวกเขาก็เป็นเหมือนพี่ชายและน้องชายของฉัน มีแต่คนเจ๋งๆ จากหลายที่มารวมตัวกัน นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ 88rising มีความแตกต่างจากที่อื่นๆ ที่สำคัญคือเขาเปิดโอกาสให้ฉันมีอิสระทางความคิดในการครีเอทีฟสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง พวกเขาเป็นเหมือนสังคมและครอบครัวของฉัน"
ต่อมาเธอมีผลงานอีพีอัลบั้มแรกในชีวิต ‘Zephyr’ ไม่เพียงเท่านั้น ในปี 2018 เธอยังได้ทัวร์คอนเสิร์ตกับศิลปิน Halsey ขณะเดียวกัน NIKI และ Rich Brian ก็เป็นศิลปินชาวอินโดนีเซียคนแรกที่ได้ขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรี Coachella นับเป็นความสำเร็จที่เดินทางมาไกลจากจุดเริ่มต้นอย่างมาก
ตามมาด้วยอีพีอัลบั้มชุดที่ 2 ‘wanna take this downtown?’ ที่ปล่อยในปี 2019 มีเพลงฮิตอย่าง “lowkey” ที่เพิ่มกระแสความนิยมให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งเธอแต่งขึ้นจากประสบการณ์ความรักในชีวิตจริง ถ่ายทอดมาในรูปแบบเพลงบัลลาดสไตล์อาร์แอนด์บี นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แฟนเพลงชาวไทยหันมาให้ความสนใจ NIKI ในฐานะศิลปินหญิงที่โดดเด่นทั้งน้ำเสียงและคาแรกเตอร์
ค่ายเพลง 88rising ยังปล่อยอัลบั้ม Head In The Clouds I และ Head In The Clouds II ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ให้ศิลปินในค่ายมาร่วมร้องเพลงฟีเจอริ่งกัน NIKI เองก็ได้มีโอกาสทำงานเพลงร่วมกับดาวรุ่งหลายๆ คน เช่น ร่วมงานกับ Joji ในเพลง "La Cienega" และร่วมงานกับ Phum Viphurit ในเพลง “Strange Land” รวมไปถึงเพลงสุดฮอตอย่าง “Indigo”
"ฉันคิดว่าเอกลักษณ์ของฉันคือความเป็นเอเชียนี่แหละ ฉันเติบโตในประเทศที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ร่ำรวยวัฒนธรรม และที่สำคัญคนอินโดนีเซียชอบฟังและร้องเพลงมาก ศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งที่เหมือนฝึกให้เราเปล่งเสียงร้องออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่นั่นหล่อหลอมเป็นตัวฉันในวันนี้ สักวันหนึ่งฉันอยากจะเป็นตัวแทนที่ทำให้ดนตรีฝั่งเอเชียกลายเป็นกระแสหลักของอุตสาหกรรมดนตรี"
ปัจจุบันนี้ NIKI ไม่ได้โด่งดังแค่ในเอเชียเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ เธอยังได้รับฉายาจากสื่อดนตรีว่าเป็น ‘เจ้าหญิงอาร์แอนด์บี’ ซึ่ง NIKI เผยว่ารู้สึกเป็นเกียรติมากๆ โดยเธอคิดว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้เธอสามารถก้าวมาสู่ความสำเร็จในจุดนี้ได้นั้น เป็นผลมาจากการเป็นตัวของตัวเอง
“คำว่า ‘Just be you’ อาจฟังดูจำเจนะ แต่ฉันเชื่อแบบนั้นมาตลอด อย่างหลงทางไปตามกระแสหากมันไม่ใช่ตัวตนของคุณ เป็นตัวเองเข้าไว้ แล้ววันหนึ่งสิ่งๆ นี้จะสร้างฐานแฟนเพลงที่ชื่นชอบในตัวคุณจริงๆ ทำต่อไปและอย่ายอมแพ้!”
สำหรับปีนี้ NIKI กำลังจะปล่อยอัลบั้มเต็มที่มีชื่อว่า MOONCHILD คาดว่าจะได้ฟังกันแบบเต็มๆ ในช่วงปลายปีนี้ ต้องจับตามองกันต่อไปว่าศิลปินหญิงเชื้อสายเอเชียคนนี้จะสร้างความเซอร์ไพรส์อะไรให้วงการเพลงในอนาคตอีกบ้าง
Source
- Meet NIKI, 88rising’s Newest Signee & the Face of Indonesian R&B
- INTERVIEW: R&B PRINCESS NIKI TALKS 88RISING, INDOMIE ADVENTURES WITH RICH BRIAN & MORE
Story By: ตติ