สัมภาษณ์ : MILLI อัลบั้มแรกในชีวิตกับความฝัน “แบบ เบิ้ม เบิ้ม” ที่อยากให้เป็นจริงสักวัน
หากพูดถึงแรปเปอร์หญิงชาวไทยที่ได้กลายเป็นตัวแทนและกระบอกเสียงทางดนตรีของคนรุ่นใหม่ ก็คงต้องนึกถึงชื่อ ‘MILLI’ หรือ มิลลิ-ดนุภา คณาธีรกุล ศิลปินจากค่าย YUPP! เป็นชื่อแรกๆ อย่างแน่นอน ด้วยวัยเพียง 20 ปี แต่ MILLI พิสูจน์ความสามารถด้วยการก้าวขึ้นสู่เวทีการแสดง Coachella ร่วมกับค่าย 88rising ตลอดจนร่วมงานกับซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Jackson Wang ในซิงเกิล “Mind Games”
จากวัยรุ่นที่แจ้งเกิดบนเวทีรายการ The Rapper ซีซั่น 2 ใครจะไปคิดว่าอีกสามปีต่อมา เธอได้ก้าวมายืนท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์และโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงฮิปฮอปไทย พร้อมเพลงฮิตที่ไวรัลไปทั่วประเทศอย่าง “พักก่อน” และ “สุดปัง” จนกระทั่งในปีนี้ MILLI ได้เปิดตัวอัลบั้มเต็มครั้งแรกในชีวิต โดยใช้ชื่อว่า “แบบ เบิ้ม เบิ้ม” ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ต้องยอมรับว่าเต็มไปด้วยความอลังการทางดนตรี
เสพย์สากล ได้มีโอกาสพูดคุยกับ MILLI ในวันเปิดตัวอัลบั้ม “แบบ เบิ้ม เบิ้ม” ที่ถ่ายทอดมุมมองและตัวตนของเธออย่างชัดเจน ดนตรีเต็มไปด้วยความแปลกใหม่และสร้างสีสันฉูดฉาดให้คนฟัง บทสัมภาษณ์นี้ MILLI ได้เผยความฝันสูงสุดในฐานะศิลปินที่เธอหวังจะให้เกิดขึ้นจริงในสักวัน
ทำไมถึงใช้ชื่อว่า “แบบ เบิ้ม เบิ้ม”
หนูมีเพื่อนคนหนึ่งที่มันชอบพูดคำว่า “เดี๋ยวขอไปนอนเบิ้มเบิ้มก่อนนะ…เดี๋ยวกลับมาทำงานด้วย เดี๋ยวขอไปกินข้าวเบิ้มเบิ้มก่อนนะ เดี๋ยวกลับมา” เหมือนเป็นอะไรที่สื่อถึงปริมาณเยอะๆ หรืออะไรที่ใหญ่ๆ ซึ่งหนูก็ชอบใช้คำนี้อยู่แล้ว รู้สึกว่าอัลบั้มนี้เป็นอะไรที่ใหญ่ๆ แบบเบิ้มเบิ้ม แล้วหนูคิดไว้อย่างหนึ่งคืออยากจะพูดว่า “ฝากไว้ด้วยนะครับ อัลบั้มแบบ เบิ้มเบิ้ม” เฮ้ย! คนอาจจะงงเป็นอัลบั้มใหญ่เหรอ… อ๋อ เป็นชื่ออัลบั้มจ้า
อัลบั้มนี้มีเซอร์ไพรส์ด้วยการเดบิวต์วงเกิร์ลกรุ๊ป ‘MINUS’ ในเพลง “Welcome” ด้วย อยากให้เล่าถึงบทบาทของ MILLI ในวงสักหน่อย
จริงๆ ก็ได้เป็นหลายอย่างเลยค่ะในเกิร์ลกรุ๊ปวงนี้ (หัวเราะ) ค่อนข้างต้องสู้กับมันพอสมควร เพราะเป็นโปรเจกต์ใหม่ด้วยและค่อนข้างยาก ต้องทำความเข้าใจกับตัวเอง เพราะว่าเราเอาเรื่องจริงของตัวเองใส่เข้าไปในเพลง เป็นเรื่องราวตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตอนแต่งก็ร้องไห้ด้วย มันเหมือนหูฟังพันกันอยู่ในใจ
อัลบั้ม “แบม เบิ้ม เบิ้ม” ฟีทเจอริ่งกับศิลปินหลายคนเลย อยากรู้ว่าเพลงไหนยากที่สุดกว่าจะทำเสร็จ
จริงๆ ก็ได้เป็นหลายอย่างเลยค่ะในเกิร์ลกรุ๊ปวงนี้ (หัวเราะ) ค่อนข้างต้องสู้กับมันพอสมควร เพราะเป็นโปรเจกต์ใหม่ด้วยและค่อนข้างยาก ต้องทำความเข้าใจกับตัวเอง เพราะว่าเราเอาเรื่องจริงของตัวเองใส่เข้าไปในเพลง เป็นเรื่องราวตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ตอนแต่งก็ร้องไห้ด้วย มันเหมือนหูฟังพันกันอยู่ในใจ
MILLI มีผลงานเพลงดังๆ หลายเพลง ทำไมถึงเพิ่งตัดสินใจปล่อยอัลบั้มเต็มชุดแรก “แบบ เบิ้ม เบิ้ม” ในช่วงนี้
อืม…ง่ายมากเลยค่ะ มันเพิ่งเสร็จค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ นะหนูสาบานได้ ส่วนสาเหตุที่เพลง “17 นาที”, “Not Yet!” และ “Sad Aerobic” ถูกปล่อยออกมาก่อน เพราะทำเสร็จนานแล้ว ซึ่งหนูวางแผนให้อยู่ในอัลบั้มตั้งแต่แรก พอทำทุกเพลงเสร็จครบก็เลยปล่อยอัลบั้มเต็มค่ะ
สังเกตว่าทุกเพลงในอัลบั้มนี้ แม้จะเป็นดนตรีสนุกสนาน แต่เนื้อหาเพลงแอบซ่อนเรื่องความเหนื่อยวัยรุ่นเหมือนกันนะ การเรียน การบ้าน การมูเตลู ความรัก และการแบกความกดดันบางอย่างเอาไว้
หนูก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าเพลงในอัลบั้มเป็นเรื่องชีวิตวัยรุ่นนะเนี่ย (หัวเราะ) ตอนหนูแต่งเพลง หนูก็นึกแค่ว่าเราอยากสื่อสารอะไร เราอยากให้คนฟังรู้สึกอะไร เหมือนที่หนูอธิบายเลยว่าเพลงในอัลบั้มนี้มาจากตัวเองหมดเลย สิ่งที่เจอ สิ่งที่สัมผัส สิ่งที่เคยเห็น สิ่งที่รับรู้หรือเรียนรู้มา มันเกิดจากตรงนั้นเป็นหลักเลย หนูเพิ่งจะมานึกได้ว่า… จริงๆ มันก็เป็นชีวิตของวัยรุ่นนี่นา ถ้าคนฟังใช้ชีวิตในลักษณะคล้ายกับหนู คิดว่าน่าจะสะท้อนและได้เห็นอะไรที่คล้ายๆ กัน ต้องลองไปฟังกันดูค่ะ
อัลบั้ม “แบม เบิ้ม เบิ้ม” ฟีทเจอริ่งกับศิลปินหลายคนเลย อยากรู้ว่าเพลงไหนยากที่สุดกว่าจะทำออกมาสำเร็จ
หนูเลือกเพลง “Boy Pablo (บอยพาโบ้)” ที่ฟีทเจอริ่งกับพี่ BOWKYLION ละกัน เนื่องจากเป็นเพลงสุดท้ายเลยที่ทำเสร็จ ด้วยความที่คิวพี่โบกี้ก็เยอะ คิวหนูก็เยอะ เราทำงานกันผ่านวิดีโอคอลค่ะ สนุกมาก แต่อาจจะติดต่อกันยากนิดนึง
ช่วงนี้ฟังเพลงสากลอะไรอยู่บ้าง
หลังจากทำอัลบั้มเสร็จ ก็ไม่ได้ฟังเพลงเลยค่ะ ไม่ฟังเลย (หัวเราะ) มาฟังอีกทีเพราะต้องสอบ แต่ถ้าถามว่าช่วงนี้ฟังเพลงของศิลปินคนไหนบ้าง หนูฟัง ‘Joji’ บ่อยมาก แบบบ่อยสุดๆ แล้วก็เริ่มฟังเพลงบรรเลงเป็นแล้ว เจ๋งมากเลย อยู่ดีๆ หนูก็เข้าใจขึ้นมา เฮ้ย! ทำไมมันสื่อสารได้ดีขนาดนี้ ทั้งที่ไม่มีคำพูดเลย โคตรเจ๋ง ฟัง Miles Davis ค่ะ แล้วก็ไปทางแจ๊ส ได้รับอิทธิพลมาจากเพื่อนในห้องเรียนนี่แหละ คือพอเราเรียนเปียโนแจ๊ส ก็เลยต้องฟังอะไรแบบนี้ ฟัง standard jazz เพิ่มมากขึ้นด้วยเยอะเลย แล้วก็ฟัง ‘The Clark Sisters’ ค่ะ เป็นแนวกอสเปลที่ชอบมาก
ก่อนหน้านี้ก็ได้ร่วมงานกับ ‘Jackson Wang’ ในซิงเกิล “Mind Games” ด้วย อยากรู้ว่าส่วนที่ดีที่สุดของการได้ร่วมงานกันคืออะไร
พี่แจ็คสันเก่งมากค่ะ เขามีประสบการณ์อย่างยาวนาน หนูรู้สึกว่าเราสามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ได้จากเขาได้ เขาเป็นคนที่เจ๋งมากๆ ประมาณว่านายเยี่ยมมากเลยเพื่อน เท่ๆ
ในงานเปิดตัวอัลบั้มมีป้ายที่เขียนข้อความไว้บนสุดว่า “บังทัน Forever” ทำให้นึกถึงข้อความที่โพสต์ปักหมุดไว้ในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “อยากเก่ง เก่งมากๆ จนบังทัน (BTS) รู้จักอ่ะ” ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่า #ชีวิตติ่งคอมพลีท แล้วไหม
ข้อความนั้นหนูปักหมุดไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจค่ะ หนูเมน ‘จีมิน’ วง BTS ค่ะ หนูขออนุญาตเม้าท์เลยว่าตอนนั้นหนูเพิ่งเริ่มติ่งวง BTS สมัยเพลง “Boy In Luv” กับ “Dope” หนูได้เลือกเมนมา 3 คนค่ะ ก็มี ‘เจโฮป’ , ‘จองกุก’ และ ‘จีมิน’ แต่แบบ…โอ๊ยยังไงดีนะ พอมาได้มาดูเพลง ‘Dope’ เห็นจีมิน โอ้…ตายเลย สาธุ! พ่อแก้วแม่แก้ว คนนี้แหละ ใช่! เมนของฉัน แต่เราก็เขินจองกุกทุกครั้งนะคะ เหมือนเขาเป็นเหนือเมนของเราค่ะ
ยังจำความรู้สึกแรกตอนที่รู้ว่า ‘จองกุก’ แห่ง BTS เปิดฟังเพลง “Mirror Mirror” ที่เราได้ไปร่วมงานกับ F.HERO และ ‘Changbin’ จากวง Stray Kids ได้ไหม
มันตายไม่ได้แล้วเนอะ (ตอบทันที) รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ค่ะ แบบหนูไม่รู้ว่าเขาไปเอามาจากไหน เขาอาจจะดูรายการแข่งเต้น หรืออาจจะเปิดวิทยุแล้วเพลงรันขึ้นมา หรือมีเพื่อนส่งมาให้แล้วบอกว่าช่วยฟังให้หน่อย หนูไม่รู้เลยค่ะ แต่ที่แน่ๆ เสียงหนูผ่านเข้าไปอยู่ในหูเขาแล้วค่ะ (ยิ้มกว้าง) หนูตายไม่ได้ละ หนูต้องทำเพลงต่อไป
อีกเหตุการณ์หนึ่งคือ คลิปรีแอ็กของ MILLI ได้ไปอยู่ในไอจีสตอรี่ของ ‘RM’ ลีดเดอร์วง BTS ด้วย
เรียกว่าเป็นการเก็บแต้มของความเป็นติ่งค่ะ พอดีหนูรู้จักกับ ‘Omega Sapien’ เราเคยทำเพลงด้วยกัน เขาส่งคลิปวิดีโอมาให้บอกว่าฝากดูแล้วรีเอ็กชั่นให้หน่อยสิ หนูก็ชวนเพื่อนอีกคนมาถ่ายคลิปด้วย พูดกันว่า “แบบ เบิ้ม เบิ้ม” บ่อยมาก ก็นั่งดูด้วยกัน หนูไม่รู้ว่ามี ‘RM’ (คิม นัมจุน) อยู่ในคลิปวิดีโอที่ส่งมาให้ด้วย เพราะเขาไม่บอกอะไรหนูเลย ปรากฏพอดูๆ ก็คือ “โอ้โห” แล้วเขาก็เอาคลิปไปแชร์ต่อในไอจีสตอรี่เพื่อขอบคุณทุกคนค่ะ
มาพูดถึงความฝันของ MILLI กันบ้าง ตอนนี้ยังมีความฝันอะไรอีกที่อยากจะทำให้สำเร็จอีกบ้าง
อยากได้รับรางวัลอะไรสักอย่างที่ประเทศเกาหลีใต้ค่ะ แล้วไปงานประกาศรางวัลที่บังทัน (BTS) อยู่ในงาน หนูคิดไว้แล้วว่าจะพูดแบบนี้ “Thank you everyone บลาๆ แล้วบอกต่อว่า BTS is my inspiration, my everything. Thank you so much อันยองฮาเซโย คัมซามีดา” ขอให้ได้พูดต่อหน้าเขา หนูว่าถ้าจู่ๆ หนูเดินเข้าไปพูดมันอาจจะเฉยๆ นะ เขาจำเราไม่ได้หรอก แต่เราจะต้องสร้างซีนให้ตัวเอง ตอนได้ขึ้นไปพูดขอบคุณบนเวทีตอนรับรางวัล อันนั้นจะสุดยอดกว่า
เรียกได้ว่าปัจจุบันนี้ MILLI ก็เป็นศิลปินไทยที่ช่วยขับเคลื่อนดนตรี T-Pop มีมุมมองต่อการเติบโตของวงการเพลงไทยในตอนนี้อย่างไรบ้าง
สำหรับหนูนะ คนไทยเก่งมากกกก (ลากเสียงยาว) เก่งมากๆ ตอนนี้มีแนวเพลงใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเหมือนดอกเห็ด แต่ที่สำคัญเลยหนูมองว่าคนฟังก็ต้องเปิดใจฟังด้วย เรามีอีกหลายแนวเพลงให้เลือกรับชม-รับฟัง หนูรู้สึกว่าทุกคนเก่งมาก ศิลปินตอนนี้เก่งกันมากๆ เราสามารถเข้าถึงเครื่องมือเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ ทุกคนสามารถปล่อยไอเดียของตัวเองออกมาเต็มที่ แล้วหนูบอกเลยว่าเหมือนที่พี่ ‘AUTTA’ เคยพูดไว้ “นี่ขนาดเราทำกันเองนะ แล้วถ้ารัฐบาลสนับสนุน จะไปได้ไกลขนาดไหน” หนูมองว่าเป็นแบบนั้นเลยค่ะ เราต้องไปกันได้อีกไกลแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์
สุดท้ายนี้ มีความคาดหวังอะไรกับอัลบั้มชุดนี้บ้าง และอยากฝากข้อความอะไรถึงแฟนๆ
ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะจ้ะ (ยกมือไหว้โค้ง) อัลบั้ม “แบบ เบิ้ม เบิ้ม” หวังว่าจะชอบกันนะคะ เป็นอัลบั้มที่มีการทดลองทางดนตรีอยู่ในนั้น มีความชอบของหนูอยู่ในนั้น มีเรื่องราวชีวิตอยู่ในนั้น บางเพลงแต่งแล้วสนุก บางเพลงแต่งแล้วร้องไห้ ก็ฝากติดตามด้วยนะคะ หวังว่าจะชอบกันค่ะ
Tracklists
1. Welcome - feat.MINUS
2. สาธุ (SAA-TUU) - feat.TangBadVoice
3. รักนะเว้ย (I LUV U!) - feat.NAMEMT
4. Sad Aerobic
5. Boy Pablo (บอยพาโบ้) - feat.BOWKYLION
6. Not Yet!
7. 17 นาที (17 mins.) - feat.mints
8. Homework
9. สุดก่อน (SOOD-GON)
10. Squad Shit - feat.1-FLOW
Story By: Tatiya K.