MILLI การไต่ระดับสู่อัลบั้ม HEAVYWEIGHT รุ่นที่ใหญ่และท้าทายที่สุด
หากมองเส้นทางของ MILLI ถือว่าน่าทึ่งเลยทีเดียว จากการเข้าแข่งในรายการ The Rapper สู่การออกอัลบั้มเดบิวต์ BABB BUM BUM จนถึงการขึ้นแสดงในเทศกาลระดับโลกอย่าง Coachella กราฟชีวิตของ MILLI แทบไม่มีดรอปเลย
การกลับมาในอัลบั้ม HEAVYWEIGHT ย่อมมาพร้อมกับความกดดันเป็นธรรมดา เพราะที่ผ่านมา MILLI เป็นศิลปินที่ทุ่มเทสุดใจ เป็นแร็ปเปอร์ที่ทำผลงานหลากหลายแนวดนตรี จับงานไหนก็ปังทุกครั้ง จนไม่รู้ว่าในอัลบั้มนี้เธอจะดึงพลังจากไหนมาอีก
เมื่อฟังอัลบั้มนี้จบ ยิ่งน่าทึ่งเข้าไปใหญ่ หากอัลบั้ม BABB BUM BUM ว่าสุดแล้ว HEAVYWEIGHT ดูบ้าพลังมากกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นการคืนสู่รากฮิปฮอปแนวดนตรีแจ้งเกิดของ MILLI
ส่วนตัวชอบบีทและจังหวะของอัลบั้มนี้ มันเร็วสะใจและกระตุ้นอะดรีนาลินได้ดีสุดๆ ขณะที่เนื้อเพลงไตเติ้ลแทร็กท่อน “MILLI isn't a species to be defeated” ก็เป็นการแนะนำภาพรวมอัลบั้มได้ชัดเจน
ศิลปินรับเชิญอัลบั้มนี้ให้พีคทุกราย แต่ละเพลงยังรักษาจุดยืนอัลบั้มได้อย่างลงตัว จะมีเพลงที่ร่วมงานกับ ก้อง H 3 F ที่เป็นการเพิ่มสีสันจากดนตรีบลูส์ร็อก ส่วน "DRANKEINNIT" ก็เท่มาก โดยเฉพาะเสียงร้องของ HUGO ที่ทำให้นึกถึงยุคอัลบั้ม Old Tyme Religion
อัลบั้มนี้จะไม่เจอเพลงที่ catchy ป็อปสนุกๆ แบบ "บอยพาโบ้" หรือ "17 นาที" แต่อารมณ์ขันและความครีเอทีฟยังคงอยู่ แค่อยู่ในโหมดจริงจังกว่าเดิมมาก
ขณะเดียวกันก็มีเพลงอย่าง "INVISIBLE TEARS" ที่ให้เราสัมผัสได้ถึงความกดดันที่ต้องเผชิญในชีวิตของ MILLI แม้จะหนักหนาสาหัสเพียงใด ก็ยังไม่สามารถหรือมีเวลาร้องไห้ให้ใครเห็นได้
คำว่า HEAVYWEIGHT ทำให้เรานึกถึงรุ่นที่ใหญ่ที่สุดของนักมวย แต่สำหรับอัลบั้มนี้ มันไม่ใช่การประกาศตัวเองว่าเป็น "รุ่นใหญ่" แต่หากต้องการไปถึงจุดนั้น ต้องทำอย่างที่แสดงให้เห็นในอัลบั้มนี้