Mew พูดคุยกับ Jonas Bjerre ถึงคอนเสิร์ตอำลาครั้งสุดท้ายของวง
หลังโลดเแล่นในวงการมากว่า 30 ปี วงอัลเทอร์เนทีฟจากเดนมาร์ก Mew ช็อกแฟนเพลงทั่วโลกด้วยการประกาศคอนเสิร์ตอำลาครั้งสุดท้าย ก่อนที่พวกเขาจะยุติบทบาทในฐานะ Mew
ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา Mew คือหนึ่งในวงอัลเทอร์เนทีฟชั้นแนวหน้าของยุโรป ที่สามารถสอดแทรกตัวเองเข้ามาในซีนที่ผู้คนมักนึกถึงวงจากอังกฤษและอเมริกาเป็นหลัก กลายเป็นวงเดนมาร์กที่โด่งดังที่สุดวงหนึ่งของโลกอัลเทอร์เนทีฟ
หลังจากอัลบั้ม Frengers ที่นำแสงสปอตไลต์ฉายมาสู่วง ผลงานถัดมายิ่งแสดงความทะเยอทะยาน โดยเฉพาะ And the Glass Handed Kites (2005) ที่ยกระดับผลงานขึ้นไปอีกขั้น หรืออัลบั้มล่าสุด Visuals (2017) ที่พิสูจน์ว่ามาตรฐานของพวกเขาไม่เคยตกลง
สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือ หลังจากนี้เราจะไม่ได้ชมคอนเสิร์ตของ Mew อีกแล้ว โชว์ที่มีบรรยากาศยิ่งใหญ่แบบ "Indie Stadium" พร้อมความงดงามแบบ cinematic เหมือนหลุดเข้าไปในโลกภาพยนตร์
เราได้สัมภาษณ์ Jonas Bjerre ฟรอนต์แมน Mew ถึงการยุติบทบาทของวง ช่วงเวลาที่ประทับใจที่สุด และคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในเมืองไทย 14 พฤศจิกายน 2025 ที่ Moonstar Studio ซึ่งบัตรจำหน่ายแล้วทาง Ticketmelon
นี่ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตหาชมยาก แต่เป็นโอกาสสุดท้าย เมื่อเพลงสุดท้ายอย่าง "Comforting Sounds" จบลง เราจะไม่มีวันได้เห็นพวกเขาบนเวทีในฐานะ Mew อีกแล้ว
เล่าให้ฟังได้ไหมว่าตอนไหนที่คุณคิดว่า Mew ถึงจุดจบแล้ว
ผมคิดว่าคนที่เป็นสาเหตุหลักก็คือตัวผมเอง ผมโอเคถ้าสมาชิกคนอื่นๆ ยังอยากเดินหน้าต่อในนาม Mew พวกเขามีสิทธิ์ที่จะทำได้
ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ช่วง COVID-19 ทัวร์ของเราถูกยกเลิก ผมเริ่มทำดนตรีประกอบภาพยนตร์ งานวิชวลอาร์ต และผมยังมีความสนใจในเรื่องแอนิเมชัน แล้วผมก็นึกได้ว่าเราเดินทางมากับวงนี้มานานกว่า 30 ปีแล้ว
จริงๆ ผมก็ทำโปรเจกต์อื่นๆ อยู่แล้ว แต่ Mew คือสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุด มันไม่ใช่แค่งาน แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม ถ้าคุณอยู่ในวงดนตรี วงคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่ตอนนี้ผมอยากลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง
เราเคยคุยกันเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่เศร้า ทุกคนเข้าใจผม ไม่มีความบาดหมางกันภายในวง เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ตอนนี้ก็กำลังเตรียมตัวสำหรับทัวร์ครั้งสุดท้าย ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี มันแค่เป็นเวลานานมากที่อยู่กับ Mew และผมอยากจะโฟกัสกับโปรเจกต์อื่นๆ มากกว่านี้
พูดถึงโปรเจกต์อื่นๆ ของคุณหน่อย โดยเฉพาะบทบาทในฐานะศิลปินทำเพลงประกอบภาพยนตร์ บทบาทนี้แตกต่างจากการเป็นศิลปินในวงดนตรีมากไหม
แตกต่างกันมาก คนละโลกเลยครับ อย่างแรกคือการทำเพลงประกอบภาพยนตร์ไม่ใช่การนำเสนออารมณ์ส่วนตัวของผม มันเป็นเหมือนงานฝีมือ คุณต้องดูหนังหรือซีรีส์ แล้วหาเสียงเพลงหรือเครื่องดนตรีที่เหมาะกับฉากนั้นๆ และกระบวนการทำงานก็ต่างกันมาก และผมเพิ่งทำเพลงประกอบให้กับหนังเกาหลีไปเมื่อเร็วๆ นี้ แม้ว่างานเพลงประกอบส่วนใหญ่จะไม่มีเนื้อร้อง แต่ผมจะไม่มีวันหยุดร้องเพลงแน่นอน
แล้วคุณมีนักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์คนโปรดไหม
ในวงการนี้มีคนเก่งเต็มไปหมด สำหรับผม John Williams เป็นคนที่ยากจะมีใครเทียบได้ โดยเฉพาะเพลงประกอบเรื่อง E.T. อีกคนคือ Trent Reznor ก็ทำเพลงประกอบที่น่าสนใจหลายเรื่องมาก วงของเราเคยไปทัวร์กับ Nine Inch Nails (วงของ Trent Reznor) มันเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก
Mew เคยมาแสดงคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2017 ยังจำช่วงเวลาที่มาเมืองไทยครั้งแรกได้ไหม
จำได้ครับ อาหารอร่อยมาก ผมชอบอาหารไทย ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเมืองไทยเลย กรุงเทพฯ เป็นโชว์แรกของทัวร์นั้นด้วย ผมจำได้ว่าพวกเราใส่ชุดสีขาวขึ้นคอนเสิร์ต (หัวเราะ) หลังจากที่ผมกลับไปดูวิดีโอของเราเอง ผมคิดว่าเรากลับไปใส่ชุดดำจะดีกว่า ชุดสีขาวมันใส่ยาก คุณต้องมีร่างกายที่ฟิตจริงๆ แต่ผมจำได้ว่าโชว์ออกมายอดเยี่ยมมาก
หลายคนบอกว่าเพลงของ Mew มีความสุดยอดเหนือจินตนาการ แต่ถ้าได้ไปดูคอนเสิร์ตจะรู้สึกว่าเพลงมีความทรงพลังมากกว่าเดิมอีก มีการใช้คำว่า "Indie Stadium" เพื่ออธิบายบรรยากาศคอนเสิร์ต Mew ด้วย
ผมว่าอาจเป็นเพราะเพลงของเราเหมาะกับการเล่นในสถานที่ใหญ่ๆ แต่ผมก็ชอบเล่นในสถานที่ขนาดกลางหรือเล็กเหมือนกัน มันมีความใกล้ชิดมากกว่า แต่จะขาดความยิ่งใหญ่อลังการ
เวลาเราเล่นคอนเสิร์ต เราแสดงต่อหน้าผู้คน มันมีความตื่นเต้น อะดรีนาลีนสูบฉีดทั่วร่างกาย ผมคิดว่าคนดูก็รู้สึกเหมือนกันกับเรา เหมือนเราได้สื่อสารกัน เราเห็นปฏิกิริยาของคนดูที่ตอบสนองกับการแสดงของเรา มันเหมือนทีมเวิร์ก
ส่วนการทำอัลบั้มก็ต่างออกไป เพราะเราพยายามทำทุกจุดให้สมบูรณ์แบบ บางครั้งมันอาจทำให้ขาดอารมณ์ดิบๆ ดังนั้นอัลบั้มกับการแสดงสดมันเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ
วงมักใช้เพลง "Comforting Sound" ปิดคอนเสิร์ตเสมอ หลายคนยกย่องว่านี่คือหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของคอนเสิร์ต Mew คุณจำได้ไหมว่าเริ่มใช้เพลงนี้ปิดคอนเสิร์ตตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้ตั้งแต่อัดเพลงนี้เลยครับ มันยากมากที่จะเล่นเพลงอื่นต่อจากเพลงนี้ เราเคยลองเล่นโชว์ที่ไม่ได้ปิดท้ายด้วยเพลงนี้ แต่มันไม่เวิร์ก มีบางโชว์ที่เราไม่ได้เล่นเพลงนี้ ผลคือคนดูโมโหกันมาก
มันเป็นเพลงที่เรียบง่าย แต่ก็มีความใจสลาย ช่วงท้ายของเพลงยิ่งใหญ่มาก เต็มไปด้วยอารมณ์ ดังนั้นมันยากมากที่จะเดินกลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งหลังจากเพลงนี้จบ สำหรับผม "Comforting Sound" คือฉากจบที่สมบูรณ์แบบสำหรับคอนเสิร์ตของ Mew
หลังจากอยู่ในวงการดนตรีมานานกว่า 30 ปี ทั้งในฐานะสมาชิกของ Mew และอื่นๆ อีกมากมาย มีคำแนะนำไหนที่อยากมอบให้กับศิลปินรุ่นใหม่ๆ บ้างไหม
หลายคนถามคำถามนี้กับผม ตอนนี้อุตสาหกรรมเพลงเปลี่ยนแปลงไปมาก สมัยก่อนคุณแค่ตั้งใจทำงาน แล้วก็เซ็นสัญญากับค่ายเพลง แต่ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าค่ายเพลงมีหน้าที่อะไรบ้าง โลกมันเปลี่ยนไป ยิ่งตอนนี้ยังมี AI ที่สามารถทำเพลงได้อีก
ถ้าจะให้คำแนะนำ จงเป็นตัวของตัวเอง และทำให้ตัวเองมีความสุข เพราะคุณไม่สามารถคาดเดาได้หรอกว่าโลกจะต้องการอะไร ทำสิ่งที่คุณรักให้เต็มที่ แล้วหวังว่ามันจะเวิร์ก นี่คือคำแนะนำของผม
แล้วก็อย่ายกลิขสิทธิ์เพลงของคุณให้ใครง่ายๆ นะ คนพวกนั้นจะเอาเงินของคุณไปหมด แล้วคุณจะไม่เหลืออะไร
แล้วมีช่วงเวลาไหนที่น่าจดจำที่สุดของ Mew
ยากมากเลย เพราะมันมีมากมายเหลือเกิน ตอนเริ่มแรกพวกเราเป็นวงอินดี้ แล้วเราก็ได้ไปลอนดอน เซ็นสัญญากับค่ายเพลง พอกลับมาที่เดนมาร์ก เราได้เล่นในสถานที่ใหญ่ๆ ทุกคนรู้จักเราหมดเลย มันบ้ามาก ความรู้สึกที่มีคนจดจำคุณจากผลงานคือความรู้สึกที่ดีที่สุด
ผมชอบความรู้สึกในสตูดิโอตอนได้ทำเพลงใหม่ๆ แบบลองทำแบบนี้แล้วเสียงมันดีจัง ผมชอบการเดินทางด้วย บางทีมันก็ยาก แต่การได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ ในโลก การได้รู้จักคนใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ วัฒนธรรมต่างๆ ผมโชคดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้อยู่กับ Mew
มีข้อความไหนจากแฟนๆ ที่คุณชื่นชอบเป็นพิเศษไหม
ผมได้รับจดหมายส่วนตัวจากแฟนๆ เหมือนกัน บางคนกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต พวกเขาขอบคุณเพลงของเราที่ช่วยให้พวกเขาผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ มันเป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมากสำหรับพวกเรา
ผมเคยเจอคู่รักคู่หนึ่ง เขาบอกผมว่า "ขอบคุณที่ทำให้พวกเราได้เจอกัน" เพราะพวกเขาทั้งคู่เป็นแฟนของ Mew และได้มาพบกันที่คอนเสิร์ตของเรา โมเมนต์แบบนั้นมันทำให้ผมดีใจมากเลย
ฝากถึงแฟนเพลงของ Mew ชาวไทย
ผมอยากขอบคุณที่ยังให้ความสนใจพวกเราและเพลงของพวกเรา ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสมาเล่นที่ไทยในฐานะ Mew ได้มากกว่านี้ แต่ก็รู้สึกดีใจที่เราได้เล่นโชว์สุดท้ายที่ไทยด้วย หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม
มาเป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตสุดท้ายของ Mew ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2025 ที่ Moonstar Studio ซึ่งบัตรจำหน่ายแล้วทาง Ticketmelon ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมทาง VIJI CORP
