เส้นทางพิชิตชาร์ตบิลบอร์ดของ Lil Nas X แร็ปเปอร์เกย์ผิวสีเจ้าของเพลง "Old Town Road"
นาทีนี้คงไม่มีเพลงไหนที่โด่งดังสะเทือนโลกได้เท่ากับ ‘Old Town Road’ อีกแล้ว แม้ในไทยอาจไม่ได้เป็นกระแสมากนัก แต่หากพูดถึงในระดับสากลแล้ว นี่คือบทเพลงที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่บนหน้าประวัติศาสตร์ของวงการดนตรี
เพียงชั่วข้ามคืนโลกทั้งใบก็รู้จักชื่อ ‘Lil Nas X’ แร็ปเปอร์ผิวสีวัย 20 ปี เจ้าของเพลงฮิต ‘Old Town Road’ ที่รั้งแชมป์อันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ติดต่อกันถึง 18 สัปดาห์ ถือเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่บิลบอร์ดจัดอันดับเพลงครั้งแรกเมื่อปี 1958 หรือราว 60 ปีก่อน
การผงาดขึ้นทุบชาร์ตบิลบอร์ดของเพลง Old Town Road ในครั้งนี้ สร้างเสียงฮือฮาด้วยการล้มแชมป์ 2 เพลงดังเจ้าเก่าที่เคยครองแชมป์อยู่ที่ 16 สัปดาห์ ได้แก่ เพลง Despacito (2017) ของ Luis Fonsi และเพลง One Sweet Day (1995) ของ Mariah Carey, Boyz II Men ปรากฏการณ์นี้ทำให้คอเพลงทั่วโลกหันมาสนใจแร็ปเปอร์โนเนมที่กลายเป็นคนดังของวงการไปโดยปริยาย
Lil Nas X หรือชื่อจริง ‘Montero Lamar Hill’ เกิดที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พ่อแม่หย่าร้างตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เขาเริ่มสนใจดนตรีโดยเริ่มเล่นทรัมเป็ตตอนอายุ 10 ขวบ แต่พอเรียนไฮสคูลเขากลับเบนความสนใจไปยังสิ่งที่เรียกว่า ‘อินเตอร์เน็ต’
"ผมท่องโลกอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ผมเริ่มกลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เดาว่าผมคงกำลังค้นหาตัวเองอยู่"
แน่นอนว่าการเติบโตมากับการฟังเพลงของ Drake, Kendrick Lamar และ Kid Cudi ทำให้เด็กหนุ่มอยากสร้างสรรค์ผลงานเพลงชิ้นแรกที่มีกลิ่นอายดนตรีฮิปฮอปอย่างชัดเจน แต่หลังจากปล่อยเพลง 'Shame' ผ่าน SoundCloud ปรากฏว่าผลตอบรับไม่ดีนัก เขาจึงตัดสินใจบอกพ่อว่าจะขอหยุดเรียนสักพักเพื่อทำงานเพลงอย่างจริงจัง ทั้งที่ความจริงแอบยื่นเรื่องดร็อปเรียนไปเรียบร้อยแล้ว
การพิสูจน์ตัวเองเต็มไปด้วยอุปสรรค เขาต้องไปอาศัยอยู่บ้านพี่สาวและใช้เงินเก็บที่มีอยู่เพียงน้อยนิดประทังชีวิตไปวันๆ อีกทั้งยังต้องไปทำงานพิเศษเป็นแคชเชียร์อีกด้วย แต่ขณะเดียวกันความฝันในการทำงานเพลงก็ยังคงอยู่ ช่วงเวลานี้เองที่เขาหันมาสนใจโลกอินเตอร์เน็ตอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเรียนรู้การสร้างตัวตนผ่านโซเชียลมีเดีย
Lil Nas X เริ่มโพสต์วิดีโอมีมผ่านเฟซบุ๊กและแอปพลิเคชั่น Vine นอกจากนี้ยังสร้างบัญชีแฟนคลับของ Nicky Minaj ในทวิตเตอร์ โดยใช้ชื่อว่า NasMinaj รวมทั้งอีกหลายบัญชีที่สร้างกระแสไวรัลในระดับวงกว้าง แต่ก็ดูเหมือนว่าในยุคที่มีเพลงนับล้านแทร็คให้ฟังบนผ่านออนไลน์ การแจ้งเกิดในฐานะศิลปินที่ประสบความสำเร็จจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
"ถ้าผมโพสต์ข้อความตลกๆ จะมีคนรีทวิตกว่า 2,000 ครั้ง แต่เมื่อผมโพสต์เพลงสักเพลง คนจะรีทวิตประมาณ 10 ครั้งเท่านั้น"
จนกระทั่งคืนหนึ่งในช่วงวันฮาโลวีน เขาค้นพบเสียงแซมเปิ้ลบีทของ ‘YoungKio’ โปรดิวเซอร์ชาวดัตช์วัย 19 ปี ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง 34 Ghost IV ของวง Nine Inch Nails ซึ่งโดดเด่นด้วยการใช้เสียงเครื่องดนตรีแบนโจ (Banjo) ที่นิยมใช้ในบทเพลงแนวคันทรี
ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ เขาจินตนาการถึงการเดินทางของคาวบอย จึงตัดสินใจจ่ายเงิน 30 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อแซมเบิ้ลบีทจาก YoungKio มาใช้ในการเขียนเพลงใหม่ขึ้น ในเดือนธันวาคม 2018 เขาปล่อยเพลงที่ใช้ชื่อว่า ‘Old Town Road’ หยิบยกสไตล์ดนตรีแบบคันทรี ฮิปฮอป และแทร็ปมาผสมผสานกัน กลายเป็นเพลงอัลเทอร์เนทีฟฮิปฮอปที่ติดหูตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง
นอกจากวางตัวเป็นศิลปินนักทำเพลงแล้ว เขายังทำหน้าที่เป็นนักการตลาดที่งัดทุกไอเดียสร้างสรรค์มาวางแผนโปรโมตผลงานตัวเองผ่านแอปพลิเคชั่น Tik Tok รวมทั้งโพสต์มีมภาพม้าและคาวบอยผ่านบัญชีทวิตเตอร์อย่างสม่ำเสมอ
ในที่สุด Old Town Road เริ่มกลายเป็นเพลงไวรัล จากกระแสแชร์ต่อๆ กันบนโลกออนไลน์ นำไปสู่ปรากฎการณ์ที่ใหญ่กว่านั้น เมื่อบทเพลงนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จนทะยานขึ้นไปติดชาร์ตบิลบอร์ดครั้งแรกในอันดับที่ 83 ทำให้ในเดือนมีนาคม 2019 เขาได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินสังกัดค่ายเพลง Columbia Records โดยใช้ชื่อในวงการว่า ‘Lil Nas X’
หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ เขาได้ร่วมงานกับ Billy Ray Cyrus นักร้องคันทรีอเมริกัน (พ่อของ Miley Cyrus) โดยปล่อยเพลง Old Town Road เวอร์ชั่นรีมิกซ์ออกมา นับเป็นจุดสำคัญที่ผลักดันให้เพลงนี้ไต่อันดับท็อปชาร์ตอย่างรวดเร็ว ที่แม้แต่ Billy Ray Cyrus ยังภาคภูมิใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา
"ผมไม่เคยคิดฝันว่าตัวเองในวัย 57 ปี จะยังได้ทำอะไรแบบนี้อีกครั้ง ขอบอกเลยว่า Lil Nas X คืออัจฉริยะ เขาเป็นนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นศิลปินที่เข้ามาในจังหวะที่โลกดนตรีกำลังต้องการฮีโร่ เขาทำให้ผมนึกถึงตัวเองในวัยเด็ก ยากจน ไร้บ้าน สู้ชีวิต เขาเอื้อมคว้าดาวด้วยกำลังของตัวเอง มันอาจจะฟังดูบ้าบอหน่อยนะครับ แต่ผมคิดว่า Lil Nas X เป็นเหมือนกับลูกชายคนหนึ่งของผม" - Billy Ray Cyrus
Lil Nas X เริ่มรู้ครั้งแรกว่าเขากลายเป็นคนดังเมื่อครั้งที่ออกไปกินข้าวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง และถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มแฟนๆ โดยมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยื่นกระดาษให้พร้อมขอลายเซ็น ศิลปินหน้าใหม่คนนี้บอกเพียงว่า “ในตอนนั้น…ผมไม่รู้จะเซ็นยังไงเลยครับ เพราะผมยังไม่มีลายเซ็นด้วยซ้ำ การเป็นคนดังในทวิตเตอร์จะมีคนเมนชั่นถึงคุณใช่มั้ย แต่ในชีวิตจริงน่ะ ผู้คนจะเดินเข้ามาจับมือคุณแทนการกดไลค์”
แม้เพลงจะฮิตติดชาร์ตแล้ว แต่เขายังคงเช็คฟีดแบ็คและวางกลยุทธ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะการปล่อยเพลงรีมิกซ์ที่ไปร่วมฟีทเจอริ่งกับคนดังออกมาหลายเวอร์ชั่น จนกลายเป็นเจ้าพ่อรีมิกซ์ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็กลายเป็นไวรัลไปหมด เช่น การร่วมงานกับ Young Thug และ Mason Ramsey หนูน้อยคันทรีวัย 11 ขวบ การทำรีมิกซ์เวอร์ชั่น Area 51 ที่อิงกระแสฐานทัพลับมนุษย์ต่างดาวของสหรัฐฯ รวมถึงทำมิวสิกวิดีโอภาพ ‘คีอานู รีฟส์’ กำลังวิ่งท่านารูโตะ เป็นต้น
Lil Nas X ไม่หยุดแค่นั้น เพราะก่อนที่เพลงจะครองชาร์ตครบ 18 สัปดาห์ เขาปล่อยรีมิกซ์ทีเด็ด ‘Seoul Town Road Remix’ โดยคว้าตัว RM ศิลปินสัญชาติเกาหลีแห่งวง BTS บอยแบนด์เบอร์ 1 ของโลกในเวลานี้มาร่วมงานด้วย ยิ่งเป็นการขยายฐานแฟนเพลงและตอกย้ำความแรงแบบทวีคูณ เพราะหลังจากปล่อยให้ฟังเพียง 5 วัน รีมิกซ์เวอร์ชั่นนี้มียอดสตรีมมิ่งผ่าน Spotify มากกว่า 400 ล้านครั้ง
ในขณะที่เพลงกำลังรั้งชาร์ตอย่างสวยงาม และศิลปินก็กำลังอยู่ในช่วงที่โด่งดังแบบสุดๆ Lil Nas X กลับเลือกที่จะสื่อสารข้อความบางอย่างออกไปในวันที่ 30 มิถุนายน 2019 ซึ่งเป็นวันส่งท้ายเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ (Pride Month) นั่นคือการประกาศตัวเป็นเกย์ พร้อมเผยว่าเคยบอกแฟนๆ ผ่านเพลง C7osure (You Like) ไปแล้ว อีกทั้งบนปกอีพีอัลบั้ม ‘7’ ก็ยังมีรูปสายรุ้งซ่อนไว้ด้วย โดยเขาให้สัมภาษณ์ผ่าน BBC ว่า
"ผมไม่อยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ โดยไม่ได้ทำสิ่งที่ปรารถนา ผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง ผมเปิดเผยว่าผมเป็นเกย์ครับ หวังว่าแฟนๆ จะไม่รู้สึกอึดอัด แต่ก็เข้าใจนะว่าการรักชอบเพศเดียวกัน อาจไม่ใช่สิ่งที่ได้รับการยอมรับในวงการเพลงฮิปฮอปและคันทรี ผมไม่โกรธหรอกเพราะผมเข้าใจปฏิกิริยาของพวกเขาแหละ แต่อย่างน้อยผมก็ได้เปิดประตู (แห่งความหลากหลาย) ให้กับคนอื่นๆ แล้ว”
อย่างที่ทราบกันดีว่า แนวเพลงฮิปฮอปและคันทรีมักจะเชิดชูความเป็นชายผ่านเนื้อเพลง อีกทั้งเคยมีเหตุการณ์การเลือกปฏิบัติและกีดกันความหลากหลายทางเพศในวงการดนตรีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จนถูกเรียกว่า ‘โฮโมโฟเบียในวัฒนธรรมฮิปฮอป’ จึงถือเป็นเรื่องแรร์มากทีเดียว หากศิลปินฮิปฮอปสักคน โดยเฉพาะศิลปินผิวสีจะออกมาประกาศตัวเป็นคนที่มีความหลากหลายทางเพศ เนื่องจากมักมีกระแสต่อต้านจากคนในวงการและแฟนเพลงด้วยกันเองอยู่เสมอ (โดยศิลปินฮิปฮอปผิวสีที่กล้าแหวกขนบออกมาประกาศตัวเป็นเกย์ก่อนหน้านี้คือ ‘Frank Ocean’)
“เป็นเรื่องเหลือเชื่อสุดๆ ปีที่แล้วผมยังต้องอาศัยบ้านของพี่สาวอยู่เลย ไม่มีเงินใช้ ล้มลุกคลุกคลานบนเส้นทางดนตรี ทรมานจากอาการปวดหัวในทุกๆ วัน และตอนนี้ผมเป็นเกย์”
อย่างไรก็ตาม จากเด็กหนุ่มวัยรุ่นธรรมดา สู่การเป็นแร็ปเปอร์เกย์ผิวสีคนแรกของโลกที่ทุบสติถิตำนานชาร์ตบิลบอร์ดได้สำเร็จ แม้ใครๆ จะมองว่าเขาโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน แต่จริงๆ แล้ว เบื้องหลังชื่อเสียงนั้นล้วนแลกมาด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด
ด่านทดสอบต่อไปคือการลุ้นว่า Old Town Road จะสามารถครองชาร์ตอันดับ 1 ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะเพลง ‘Bad Guy’ ของ Billie Eilish กำลังไล่ตามมาติดๆ เป็นอันดับที่ 2 ในขณะที่นักร้องป๊อบตัวแม่อย่าง Ariana Grande ก็เพิ่งปล่อยเพลง ‘boyfriend’ ออกมาไล่เขย่าชาร์ตเพลงแบบสดๆ ร้อนๆ
แต่สุดท้ายนี้ บทท้าท้ายที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของ Lil Nas X อาจไม่ได้อยู่ที่การจะครองแชมป์ได้กี่สัปดาห์ แต่อาจจะอยู่ที่การพิสูจน์ตัวเองว่า เขาคือของจริง หรือจะกลายเป็นศิลปิน One Hit Wonder (มีเพลงดังแค่เพลงเดียว) อย่างที่ศิลปินหน้าใหม่มาแรงหลายๆ คนเคยประสบมาแล้วหรือเปล่าต่างหาก
Source:
- Lil Nas X: Inside the Rise of a Hip-Hop Cowboy
- Lil Nas X: Last year I was sleeping on the floor, now I’m gay
- Lil Nas X addresses gay revelation backlash
- Lil Nas X's 'Old Town Road' To Record-Breaking: How Lil Nas X Is Making History
Story By: ตติ