พูดคุยกับ Vincent May มือกลอง Kodaline ก่อนอัลบั้มล่าสุด One Day at a Time จะออกเดือนมิถุนายนนี้
ประโยคที่ว่า “บทเพลงสามารถช่วยให้ใครหลายคนลุกขึ้นยืนและเดินหน้าต่อไปได้” เป็นสิ่งที่นักฟังเพลงได้พิสูจน์มาแล้วทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะแฟนๆ ของวงไอริช Kodaline ที่มักใช้บทเพลงต่างๆ เป็นกำลังใจในการก้าวผ่านช่วงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ในชีวิต
หลังจากโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงระดับโลกมานานหลายปีกับผลงานเพลง 3 อัลบั้ม วง Kodaline เดินสายทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชียและเคยแวะเวียนมาแสดงสดที่กรุงเทพฯ ถึง 2 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งล่าสุดเล่นที่ MAYA Music Festival เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โชว์อัดแน่นด้วยบทเพลงฮิตที่ตอกย้ำถึงกระแสความนิยมในประเทศไทย
โดยในปีนี้พวกเขาได้ปล่อยซิงเกิ้ล “Wherever You Are” พร้อมกับข่าวคราวของอัลบั้มเต็มชุดใหม่ล่าสุด One Day at a Time ที่กำลังจะปล่อยอย่างเป็นทางการวันที่ 12 เดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งทางเสพย์สากลได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Vincent May มือกลองของวง Kodaline ผ่านทางอีเมล์ เกี่ยวกับการทำงานเพลงในช่วง COVID-19 รวมถึงผลงานอัลบั้มชุดใหม่ที่แฟนๆ ชาวไทยจะได้ฟังกันในเร็วๆ นี้
หลังจากทัวร์คอนเสิร์ตอัลบั้ม ‘The Politics of Living’ จบลงแล้ว พวกคุณทำอะไรกันต่อ
ทัวร์จบลงในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว พวกเราก็ใช้เวลาหยุดพักผ่อนในช่วงคริสมาสต์ แต่ก็ตื่นเต้นกับการจะได้กลับเข้าสตูดิโอเพื่อที่ทำอัลบั้มชุดใหม่มาก จนกระทั่งเดือนมกราคมที่ผ่านมาเราก็ได้อัดเพลงสำหรับอัลบั้มใหม่เสร็จไปแล้ว 2 เพลง
ซิงเกิ้ล “Sometimes” เขียนขึ้นมาจากความกังวลใจของ Steve แต่หลังจากที่ได้อ่านเนื้อเพลงแล้ว มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาของวงใช่หรือเปล่า
สตีฟเขียนเพลง “Sometimes” ขึ้นในขณะที่พวกเรากำลังทัวร์เอเชีย เนื้อหามันเกี่ยวกับการที่ สตีฟต้องจัดการกับความวิตกกังวลและอาการซึมเศร้าของตัวเองในช่วงเวลาของการทัวร์ที่น่าตื่นเต้นมากกว่า พวกเราเล่นคอนเสิร์ตที่ใหญ่มาก และได้เดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ผมคิดว่าเนื้อเพลงท่อน "band don't care" คงมาจากความรู้สึกที่ว่า เพื่อนในวงคงไม่มีใครเห็นว่า สตีฟกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ แล้วต่างคนก็ต่างเดินหน้าต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รู้สึกอย่างไรกับการที่แฟนๆ ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมิวสิกวิดีโอเพลง “Saving Grace”
ยอดเยี่ยมมากๆ พวกเราอยากจะทำลองทำอะไรใหม่ๆ เพราะชีวิตของหลายคนต้องเปลี่ยนไปภายในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกเราก็เลยอยากจะแสดงให้เห็นว่าทุกคนกำลังเผชิญสถานการณ์ในรูปแบบเดียวกัน และเราจะผ่านมันไปพร้อมๆ กัน
สถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการทำอัลบั้มชุดใหม่มั้ย
ไม่เลย พวกเราโชคดีที่ทำอัลบั้มเสร็จตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่สถานการณ์ในยุโรปจะแย่ลง และอัลบั้มใหม่ก็พร้อมที่จะปล่อยออกมาในวันที่ 12 มิถุนายนนี้
คุณทำอะไรบ้างในระหว่างช่วงกักตัว
ก็คงเหมือนกับทุกคน ผมพยายามทำตัวให้ไม่ว่าง ใช้เวลาไปกับการทำสวน ทำอาหาร และการอบขนมเยอะมาก ส่วนทั้งวงนั้นก็ยุ่งอยู่กับการโปรโมตซิงเกิ้ลใหม่และการปล่อยอัลบั้มใหม่อยู่ตลอดเวลา การถ่ายทอดสด Live Streams ต่างๆ ก็กินเวลาช่วงระหว่างสัปดาห์ไปบ้างเหมือนกัน เพราะพวกเราต้องเตรียมออก Live ทุกๆ วันศุกร์ แต่โดยรวมก็ถือว่าทุกอย่างยังราบรื่นดี
ทำไมถึงตั้งชื่ออัลบั้มว่า ‘One Day at a Time’
ผมคิดว่าหลังจากที่ทุกคนได้ฟังทั้งอัลบั้มนี้แล้ว คงจะเข้าใจความหมายของชื่ออัลบั้มมากขึ้น สำหรับพวกเราแต่ละเพลงสื่อถึงความสัมพันธ์ อารมณ์ และความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป ในวันที่คุณต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหรือช่วงเวลาที่ลำบาก สิ่งเดียวที่จะทำให้คุณไม่กังวลกับอนาคตมากจนเกินไป คือการค่อยๆ คิดและค่อยๆ ทำแต่ละวันให้ดีที่สุด
อัลบั้ม One Day at a Time ต่างจากอัลบั้มที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง
การทำอัลบั้มชุดนี้ถือว่าสนุกมาก เพราะตลอดระยะเวลา 13 เดือนที่ผ่านมา มีแค่พวกเรา 4 คนทำงานด้วยกันในสตูดิโอที่ดับลิน เรามีอิสระในการทำอัลบั้มในแบบที่เราต้องการ โดยที่ไม่มีใครมาบังคับทิศทางของอัลบั้มเลย มันเหมือนกับการที่พวกเราได้กลับไปนั่งเขียนเพลงในห้องนอนอีกครั้งก่อนที่ Kodaline จะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา
เพลงไหนในอัลบั้ม One Day at a Time ที่พวกคุณแต่งได้เร็วและช้าที่สุด
ถือว่าเป็นคำถามที่ยากมากจริงๆ เพราะผมจำไม่ค่อยได้ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพลง “Wherever You Are” ที่แต่งเร็วที่สุด ส่วนเพลง “Saving Grace” เป็นเพลงที่แต่งช้าที่สุด เพราะพวกเราตั้งใจอยากจะทำให้มันออกมาดีที่สุด
ุที่ผ่านมาวงได้ปล่อยวีดีโอแสดงสดผ่าน YouTube จากหลายๆ สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นปารีส จาการ์ตา หรือวอร์ซอ มีที่ไหนที่คุณอยากจะไปแสดงอีกบ้าง
พวกเราไม่เคยแสดงที่ทวีปอเมริกาใต้หรือทวีปแอฟริกามาก่อน เพราะฉะนั้นเราหวังว่าจะได้ไปแสดงหรืออัดวิดีโอที่นั่นสักวัน
รู้สึกอย่างไรเวลาที่แฟนเพลงเข้ามาบอกว่าเพลงของคุณช่วยชีวิตเขาไว้ และคุณมีเพลงไหนที่ช่วยชีวิตคุณไว้หรือเปล่า
เป็นความรู้สึกที่เหนือความคาดหมายมากๆ ที่ได้ยินแฟนๆ พูดแบบนั้น การที่ได้ยินว่าเพลงของ Kodaline ช่วยให้เขาผ่านช่วงเวลาต่างๆ ไปได้ ไม่ว่าจะในยามทุกข์หรือยามสุขอย่างในงานแต่งงาน เป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อมาก พวกเรารู้สึกปลาบปลื้มใจอยู่ตลอดเวลาที่ได้ยินเรื่องราวต่างๆ จากแฟนเพลง เรามีความสุขที่เพลงนั้นมีความหมายกับคนฟังและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาชีวิตของพวกเขา
เมื่อต้นปีพวกคุณมาแสดงที่ไทยในงาน MAYA MUSIC FESTIVAL รู้สึกอย่างไรบ้าง
ยอดเยี่ยมไปเลยครับ เรามีความทรงจำดีๆ มากมายเกี่ยวกับประเทศไทย และหวังว่าจะได้มีอีก แฟนเพลงในไทยน่ารักมากๆ ไม่ต่างจากที่ไอร์แลนด์เลยครับ ทุกคนร้องเพลงกันเสียงดัง เต้นรำกัน มันเป็นค่ำคืนที่ดีมากๆ เลย
ฝากถึงแฟนเพลงชาวไทย
ผมอยากขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนเรา รักเพลงของพวกเรา มันมีความหมายมากจริงๆ ดูแลตัวเองกันดีๆ นะครับ เราจะกลับไปเยือนที่ไทยอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น