ทำความรู้จักศิลปิน Joji และมุมมองจิตวิทยาในเพลง "Sanctuary"
Joji (โจจิ) หรือชื่อจริง George Miller คือหนึ่งในศิลปินของ 88rising ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นำดนตรีฮิปฮอปผสมผสานกับป๊อปคัลเจอร์สไตล์เอเชีย โดยแสดงออกผ่านสื่อบันเทิงรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ Joji ไม่ใช่รุกกี้หน้าใหม่ของวงการ เพราะเขาคือคนดังของโลกอินเตอร์เน็ต หลังเคยแต่งตัวเป็น Pink Guy หนุ่มสุดเพี้ยนที่ทำคลิปวิดีโอฮาๆ อัพโหลดลงช่อง TVFilthyFrank ใน Youtube โดยมีคลิปการเต้น Harlem Shake ที่สร้างเสียงฮือฮาเมื่อปี 2013
ต่อมาเขานำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากการเป็นตัวตลก และตัวสร้างมีม ด้วยการทำอัลบั้ม Pink Guy (2014) และอัลบั้ม Pink Season (2017) โดดเด่นด้วยเพลงเนื้อหาหยาบ โหด มัน ฮา จนกลายเป็นหนึ่งใน ‘เจ้าพ่อเพลง Dirty Pop’ ที่ถูกใจชาวเน็ตอย่างที่สุด
แต่ใครจะไปรู้ว่าภายใต้ความเฮฮานั้น เขาต้องเผชิญกับโรคความผิดปกติของสมองและระบบประสาท ทำให้ต้องเลิกทำคลิปวิดีโอไวรัล เพราะจริงๆ แล้วเขาได้ซ่อนอีกตัวตนหนึ่งไว้ เป็นชายหนุ่มที่เอาจริงเอาจังกับการทำดนตรี เจ้า Pink Guy เลือกที่จะสลัดคราบเพี้ยน และแจ้งเกิดอีกครั้งในฐานะศิลปินเต็มตัว โดยใช้ชื่อว่า ‘Joji’ ถ่ายทอดความนุ่มลึกของตัวตนผ่านเมโลดี้ดนตรีและเนื้อร้องอันสุขุม พร้อมปล่อยผลงานเพลงผ่าน Soundcloud และช่อง 88rising ก่อนจะนำไปสู่อีพีอัลบั้ม In Tongues (2017)
ในที่สุดปี 2018 เขาปล่อย BALLADS 1 อัลบั้มเต็มครั้งแรกในชีวิตออกมา มีเพลงดังอย่าง Slow Dancing In The Dark ที่ไปไกลถึงระดับแพลทตินั่ม ชูโรงให้อัลบั้มชุดนี้ถูกสตรีมมิ่งผ่านออนไลน์มากกว่า 850 ล้านครั้ง
บทเพลงหม่นๆ ดิ่งลึก และสงบนิ่ง ทำให้แฟนๆ รู้จัก Joji ในตัวตนใหม่ จนเกือบลืมไปว่าเขานี่แหละคือชายคนเดียวกับเจ้า Pink Guy สุดเพี้ยน แถมยังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นศิลปินเอเชียคนแรกที่มีชื่อเข้าไปติดชาร์ตบิลบอร์ดอัลบั้มอาร์แอนด์บีและฮิปฮอป
“ผมไม่ฉลองอะไรหรอก แค่คิดว่าเอาล่ะ…จะทำอะไรต่อดีนะ เพราะตอนนี้ผมกำลังวุ่นอยู่กับการทำเพลงใหม่ แบบว่าขลุกตัวทำงานจนไม่ได้เห็นแสงตะวันเลยครับ” – Joji
คำตอบสั้นๆ ไม่หวือหวา แต่สะท้อนความมุ่งมั่นที่เต็มเปี่ยม โดยเมื่อเดือนมิถุนายน (2019) ที่ผ่านมา Joji ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด ‘Sanctuary’ บทเพลงบัลลาดแนวอิเล็กโทร-ป๊อบ มีกลิ่นอายโฟล์คผสมผสานอาร์แอนด์บี กับเนื้อหาที่ถ่ายทอดอารมณ์รักผ่านการตีความของ Joji มาพร้อมมิวสิกวิดีโอธีมอวกาศแนว Sci-Fi ที่ได้รับอิทธิพลจากป๊อปคัลเจอร์ยุค 80’s
แม้เพลงส่วนใหญ่ของ Joji จะได้แรงบันดาลใจมาจากสมัยที่ใช้ชีวิตอยู่ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับเพลง Sanctuary นั้นพิเศษกว่าบทเพลงอื่นๆ เพราะเขาเผยว่าได้รับอิทธิพลมาจากดนตรีของ Phil Collins หนึ่งในไอคอนแห่งยุค 80's และ ‘Journey’ วงดนตรีร็อกสัญชาติอเมริกัน แต่กระนั้นเขาก็ยังค้นหาลายเซ็นของตัวเองผ่านแพสชั่นทางดนตรีเสมอมา
ในส่วนของมิวสิกวิดีโอกำกับโดย Eoin Glaister (ผู้เคยฝากผลงานกำกับไว้ในเพลง Pork Soda และ Agnes ของ Glass Animals รวมถึงเพลง Fallout ของ Catfish and the Bottlemen) เขาและ Joji ยกกองไปถ่ายทำที่เมืองแลงคาสเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ จะเห็นได้ว่าเพลง Sanctuary มีโปรดักชั่นส์ นักแสดง และอุปกรณ์เข้าฉากที่ดู ‘เยอะ’ กว่าวิดีโอเพลงอื่นๆ ของ Joji ซึ่งเขาบอกว่า…
“เมื่อผมได้ยินเสียงบรรเลงของเพลง Sanctuary ผมรู้ทันทีว่าเราต้องสร้างเรื่องราวน้ำเน่าที่เกิดขึ้นบนอวกาศ ผมจึงนำอุปกรณ์ที่เคยใช้ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลงก่อนหน้านี้กลับมาใช้ใหม่ครับ ไม่ว่าจะเป็นฉากในห้องนักบิน ห้องควบคุมการบิน หรือแม้แต่ฉากที่มีโต๊ะปิงปอง เพลงนี้ดังก้องในหัวผมตอนตี 4.12 น. ของทุกเช้า ผมต้องยอมรับความจริงที่ว่า เมโลดี้ตามหลอกหลอนผมไปทุกแห่ง จนผมแทบจะเป็นบ้า" - Joji
สำหรับมิวสิกวิดีโอเพลง Sanctuary เล่าเรื่องของ ‘กัปตันโจจิ’ และพรรคพวกที่เดินทางท่องจักรวาลเพื่อสำรวจดินแดนอันไกลโพ้น ระหว่างนั้นได้เผชิญหน้าต่อสู้กับศัตรูคู่ปรับตลอดกาลมาโดยตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งกัปตันโจจิปราบศัตรูได้สำเร็จ ทว่าชัยชนะกลับไม่หอมหวานอย่างที่คิด เพราะนับจากนั้นเขาพบแต่ความว่างเปล่า และรู้สึกไม่มีเป้าหมายในชีวิตอีกต่อไป
เนื้อเรื่องลักษณะนี้ชวนให้นึกถึงฮีโร่และวายร้ายชื่อดังอย่าง ‘แบทแมน-โจ๊กเกอร์’ ทั้งคู่ห้ำหั่นกันมาอย่างยาวนาน ชิงไหวชิงพริบกันสุดฤทธิ์ แต่เมื่อถึงจังหวะที่สามารถฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งได้…กลับไม่มีใครลงมือทำ แบทแมนอาจมีจรรยาบรรณประจำใจว่าจะไม่ฆ่าผู้อื่น ขณะที่โจ๊กเกอร์เองก็รู้ดีว่าไม่มีใครที่จะรับมือเขาได้เท่ากับแบทแมนอีกแล้ว
เคยมีซีรีส์การ์ตูนเรื่อง The Man Who Killed Batman ออกฉายในปี 1992 โดยมีตอนหนึ่งที่โจ๊กเกอร์ออกปล้น แต่กลับไร้เงาของแบทแมนเข้ามาต่อสู้และขัดขวางการก่ออาชญากรรม ท่ามกลางข่าวลือว่าแบทแมนถูกฆ่าตายแล้ว ทำให้โจ๊กเกอร์รู้สึกเศร้าและหงุดหงิดในคราวเดียวกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเขาควรจะดีใจเสียด้วยซ้ำ
ย้อนกลับมามองกัปตันโจจิในมิวสิกวิดีโอเพลง Sanctuary กันบ้าง…ก็ไม่ต่างกัน เพราะแทนที่จะดีใจที่ฆ่าคู่ปรับได้ แต่เขากลับเซื่องซึม เบื่อหน่าย และทำอะไรก็ไม่มีความสุขอีกต่อไป ในประเด็นนี้ อ.บุรชัย อัศวทวีบุญ อาจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า
“ในกรณีโจ๊กเกอร์หลงคิดว่าแบทแมนตาย และกรณีกัปตันโจจิปราบศัตรูได้สำเร็จแล้วนั้น ทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ใน ‘ภาวะสูญเสียเป้าหมาย’ รู้สึกไม่มีคู่แข่ง ไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง เพราะมนุษย์มักตั้งเป้าหมายในชีวิต และต้องแข่งขันกับอะไรบางอย่างอยู่เสมอ เช่น คุณอาจมีเป้าว่าต้องมีเงิน 1 ล้านแรกให้ได้ จึงมีความพยายามและสร้างแรงขับเคลื่อนให้ตนเองอยู่เสมอ เมื่อพิชิตเป้าหมายสำเร็จ คุณอาจตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไปอีกเรื่อยๆ เป็นเรื่องของ ‘คุณค่า’ ครับ ซึ่งส่วนหนึ่งก็มีความสอดคล้องกับทฤษฎีวิวัฒนาการเช่นกัน"
“คนที่ยืนในตำแหน่งสูงสุดจะสัมผัสกับคำว่า ‘ยิ่งสูงยิ่งหนาว’ บางครั้งเขาต่อสู้ก็เพียงเพื่อแสวงหาคนที่จะทำให้เขาพ่ายแพ้บ้าง แต่เมื่อวันหนึ่งเขากลับชนะทุกคน ไม่มีใครเทียบกับเขาได้แล้ว เขาอาจรู้สึกว่าตัวเองคุยกับใครไม่ได้ ไม่มีคนเข้าใจเขาเลย หากวันหนึ่งคุณตกอยู่ในความรู้สึกแบบโจ๊กเกอร์หรือกัปตันโจจิ คุณต้องกล้าที่จะสื่อสารกับคนอื่น เพราะพื้นฐานแล้วเราต่างต้องการคนที่คุยในระดับเดียวกันได้ ไม่งั้นจะกลายเป็นคุยคนละกระแส”
ในตอนจบของมิวสิกวิดีโอจะเห็นว่ามีตัวละครตัวหนึ่งที่ทนเห็นกัปตันโจจิเศร้าต่อไปไม่ไหว จึงยอมสละลูกตาของตัวเองและกลายเป็นวายร้ายแทน ทำให้กัปตันโจจิมีรอยยิ้มเพราะจะได้ออกปราบศัตรูคนใหม่ และกลับมามีพลังขับเคลื่อนในการใช้ชีวิตอีกครั้ง
“ความจริงแล้วคนที่พยายามช่วยคนอื่นในลักษณะนี้ ไม่ใช่ The Giver (ผู้ให้) นะครับ เพราะในทางจิตวิทยาแล้ว คนเราไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองขนาดนั้น มันไม่ใช่การช่วยที่ดีต่อสุขภาพของเราเอง คุณช่วยคนอื่นได้ แต่ต้องไม่ทำร้ายตัวเอง ในกรณีลูกน้องกัปตันโจจิที่ยอมเพื่อเป็นวายร้ายเสียเองนั้น แสดงให้เห็นว่าความสุขของเขาไปผูกติดไว้กับคนอื่น เขายอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายมีความสุข ทำแบบนี้ไม่เฮลตี้นะ”
จากมิวสิกวิดีโอโยงกลับมาสู่พาร์ตของเนื้อเพลงบ้าง เห็นได้ชัดว่า Sanctuary พยายามจะหยิบความเพ้อฝันแบบ Hopeless Romantic นำมาสร้าง ‘ความโรแมนติก’ ผ่านเสียงร้องของ Joji ภาพรวมของเนื้อเพลงบรรยายถึงความรักที่อาจเป็นไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงหวังให้คนรักมีความสุข โดยเปรียบเทียบ ‘คนรักหรือคนสำคัญ’ ให้เป็นดั่ง ‘สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือสถานที่หลบภัย’ (Sanctuary) ในเนื้อเพลงจะสังเกตได้ว่ามีหลายประโยคที่สะท้อนแนวคิดนี้ของศิลปิน เช่น
- I'm your one call away
- I am your escape
- You're the one
- You're the sanctuary
“ประเด็นนี้หากมองในเชิงจิตวิทยา การที่คุณรู้สึกดีใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีความสุข เท่ากับคุณมองว่าความรักคือการเสียสละ ความรักคือการอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข การคิดแบบนี้ไม่ใช่รักที่ ‘สิ้นหวัง’ เสียทีเดียวนะ แต่เป็นความรักที่พยายาม ‘เข้าอกเข้าใจ’ อีกฝ่าย แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นไปได้ว่า เขาคิดว่าตัวเองนั้นไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้คนรักมีความสุข จึงเลือกที่จะเสียสละเพื่อให้อีกฝ่ายเจอหนทางที่ดีกว่า มันมีจริงๆ นะครับความรู้สึกแบบนี้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตีความว่า เราให้คุณค่ากับสิ่งไหนมากกว่ากัน เพราะจริงๆ แล้ว เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าอีกฝ่ายจะมีความสุขหรือเปล่าที่เรายอมปล่อยให้เขาไปอยู่กับคนอื่น…เพียงเพราะเราแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะรัก”
สุดท้ายแล้ว ต่อให้จะตีความไปไกลแค่ไหน แต่นิยามของคำว่า ‘Sanctuary’ ในบทเพลงของศิลปิน Joji ก็ยังคงเป็นหนึ่งในความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ตามทฤษฎีความต้องการตามลำดับขั้นของมาสโลว์ (Maslow's Hierarchy of Needs) ที่ยืนยันว่าอย่างไรซะพวกเราก็ต้องการความมั่นคงทางจิตใจ ต้องการความรัก และการมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นนั่นเอง
Joji - Sanctuary
เอาเลย เชิญส่งเสียงเรียกตามสะดวก
ยามค่ำคืน ดาวดับแสง
ฉันพร้อมรับสายเธอเสมอ
ห้องโถงโรงแรมรูหนู ผนังอาบแสงไฟนีออน
ยามท้องฟ้ามืดมิด ฉันคือที่ให้เธอได้หลบหนี
ยามเธอเอนกายอย่างเดียวดาย
ใจฉันเจ็บปวด
ในบางสิ่งที่มันอยากจะรู้
หากเธอรอเวลาที่จะตกหลุมรัก
ที่รัก ขอเธออย่ารอคอยฉัน
เพราะเป้าหมายของฉันคือการไปสู่สรวงสวรรค์
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้ต้องการนางฟ้าอยู่ดี
ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่เพียงเธอเท่านั้น
เธอเป็นมากกว่าความสุข เพราะเธอคือที่พักพิง
เพราะสิ่งที่เธอค้นหาคือสิ่งที่ฉันปรารถนา
คือความจริงใจ
ดวงวิญญาณที่เฝ้าฝันเพียงลำพังไม่อาจข่มตาหลับ
ฉันจะหยิบยื่นความเป็นจริงบางอย่างให้กับเธอ
หากเธอรอเวลาที่จะตกหลุมรัก
ที่รัก ขอเธออย่ารอคอยฉัน
เพราะเป้าหมายของฉันคือการไปสู่สรวงสวรรค์
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้ต้องการนางฟ้าอยู่ดี
ดึงฉันไปกอดแนบชิด
เพราะเธอไม่อาจรู้ได้เลยว่า
ชีวิตเราจะยืนยาวไปได้สักแค่ไหน
หากเธอรอเวลาที่จะตกหลุมรัก
ที่รัก ขอเธออย่ารอคอยฉัน
เพราะเป้าหมายของฉันคือการไปสู่สรวงสวรรค์
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้ต้องการนางฟ้าอยู่ดี
Source:
• Joji Is Ready for Liftoff
• JOJI TUGS AT THE HEARTSTRINGS WITH NEW BALLAD
• Joji Takes His Sound to Intergalactic Heights with Calming “Sanctuary”
Story By: ตติยา แก้วจันทร์
Lyrics Translated By: แปลเพลงเล่นกลอน
Special Thanks: อ. บุรชัย อัศวทวีบุญ