สัมภาษณ์: Hayd เจ้าของเพลงฮิต "Head In The Clouds" ผู้มองว่าเพลงเศร้าช่วยให้คนไม่โดดเดี่ยว
Hayd คือศิลปินอเมริกันเจ้าของเพลง "Head In The Clouds" ที่เป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย เขายังเป็นเจ้าของอีพี Changes ที่ประกอบไปด้วยคอลเลคชั่นของเพลงที่ได้รับแรงบัลดาลใจมาจากประสบการณ์จริง สื่อสารด้วยเนื้อเพลงที่ตรงไปตรงมา และบรรยากาศที่ชวนเหงา
อย่างเพลง "Head In The Clouds" เขาได้รับแรงบันดาลใจจากตัวเขาและเพื่อนคนหนึ่ง ที่เคยสนิทกันมากๆ แต่แล้วทั้งคู่ก็เริ่มเหินห่างกัน เพราะมีเส้นทางการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป เขาใช้ความรู้สึกนี้เขียนเพลง "Head In The Clouds" ซึ่งกลายเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย "Head In The Clouds" ยังเป็นตัวแทนความเหงาโดดเดี่ยว รวมถึงยังเป็นเพลงที่เหมาะสำหรับการเดินทางไปในที่ต่างๆ
เมื่อวันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม 2022 ถือเป็นครั้งแรกที่ Hayd เดินทางมาเปิด Showcase Acoustic สุดอบอุ่นในประเทศไทย ตอนจบงาน Hayd ยังได้ชวนแฟน ๆ ทุกคนถ่ายรูป Selfie ร่วมกัน พร้อมกล่าวขอบคุณที่ทุกคนมาเป็นกำลังใจให้ และบอกว่าจะเดินทางกลับมาประเทศไทยอีกครั้งในปีหน้าอีกด้วย
เนื่องในโอกาสที่ Hayd มาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก เสพย์สากลได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Hayd ถึงกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นของเพลง "Head In The Clouds", ศิลปินโปรดในดวงใจของ Hayd มุมมองต่อเพลงเศร้า รวมถึงประสบการณ์การมาเยือนที่ประเทศไทยครั้งแรก
รู้สึกอย่างไรกับการเล่นโชว์ครั้งแรกในกรุงเทพ
เป็นโชว์ที่สนุกมากๆ ครับ งานตกแต่งด้วยเมฆจำลอง (ตามคอนเซปต์เพลง Head In The Clouds) ต้องขอบคุณทีมงานจากค่ายเพลงด้วยครับที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้น ผมดีใจมากๆ เพราะผมได้เจอและพูดคุยกับแฟนเพลงท้ายโชว์ด้วย ถึงงานนี้มันผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ผมยังตื่นเต้นอยู่เลย
คุณมากรุงเทพช่วงฝนตกหนักพอดี บรรยากาศที่นี่เป็นไงบ้าง
บางคนอาจไม่เห็นด้วยนะ แต่ผมชอบฝนมากเลย เพราะผมอาศัยอยู่ที่ลอสแอนเจลิส แล้วที่นั่นแทบจะไม่มีฝนเลย ตั้งแต่อยู่มาเคยเจอฝนแค่ 2 วันเอง ส่วนที่กรุงเทพ ฝนน่ะตกตลอดเวลาเลย กรุงเทพเป็นเมืองที่เจ๋งครับ อาหารคือที่สุดของที่สุด แฟนเพลงและทีมจากค่ายเพลงต้อนรับผมอย่างอบอุ่น ที่ผ่านมาผมเดินทางโปรโมทหลายที่ แต่ผมมองว่ากรุงเทพมีความแตกต่างและพิเศษกว่าที่อื่นนะ
รู้สึกอย่างไรกับกระแสตอบของเพลง "Head In The Clouds"
ผมทึ่งมากๆ เลยครับ คุณรู้ไหมเพลงนี้มันส่วนตัวสำหรับผมมาก ก่อนที่จะปล่อยออกมา ผมเคยส่งให้คนในทีมผมฟัง แต่พวกเขามองว่าเพลงนี้มันเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องโปรโมทเป็นซิงเกิ้ล แต่ลึกๆ แล้วผมเชื่อมั่นในเพลงนี้ แต่ในไทยยอดฟังมันพุ่งมากๆ โดยเฉพาะบนโซเชียลมีเดียอย่าง IG และ TikTok ด้วยความที่เพลงนี้มันสำคัญกับผม มันเลยมีความหมายกับผมมากเวลาเห็นคนสามารถ relate กับเพลงนี้ได้
เรารู้สึกว่าเพลง "Lost" ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เล่าถึงเพลงนี้ให้ฟังหน่อย
ขอบคุณมากๆ เลยที่ถามถึงเพลงนี้ คือผมเป็นคนมิชิแกนแล้วต้องย้ายไปเมืองใหญ่อย่างแอลเอ บรรยากาศมันแตกต่างมาก คือบ้านผมอยู่ในป่า มีทะเลสาบ ปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดต้องขับรถไป 15 นาที
ส่วนแอลเอคือหนึ่งในเมืองที่วุ่นวายที่สุดในอเมริกา ผมมองว่าการย้ายไปแอลเอมันดีต่อการงานผมครับ เพราะโอกาสทางดนตรีมันมีมากกว่า ผมอยากลองอะไรใหม่ๆ ด้วย แต่การอยู่ที่แอลเอมันยากครับ โดยเฉพาะการต้องห่างจากครอบครัวและเพื่อน ดังนั้น 2-3 เดือนแรกที่อยู่แอลเอ ผมรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีที่พึ่งครับ "Lost" ถูกแต่งขึ้นจากความรู้สึกนี้ ลองดูเนื้อเพลง มันคือสิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนั้นจริงๆ
คุณเป็นแฟนเพลงตัวยงของ Coldplay ด้วยใช่ไหม
ใช่ครับ ผมรัก Coldplay เหตุผลที่ผมชอบพวกเขา อย่างแรกคือเนื้อเพลง เวลาผมเขียนเพลงเนี่ย ผมพยายามทำให้มันตรงไปตรงมาและจริงใจที่สุด ซึ่งเนื้อเพลงของ Coldplay เป็นอะไรที่ตรงและกระแทกใจผมอย่างจัง Chris Martin (นักร้องนำ Coldplay) ก็เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของผม
อย่างที่สองคือดนตรีของพวกเขา มันมีความ Nostagic (โหยหาอดีต) เวลาฟังเพลง Coldplay แล้วเรารู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไป ผมเติบโตมากับ Coldplay และการได้ฟังเพลงพวกเขา มันเหมือนกับผมได้กลับไปตอนที่ผมยังเด็กอีกครั้ง มีความทรงจำดีมากๆ มายครับที่เกี่ยวข้องกับวงนี้ และฝันที่ไม่กล้าฝันของผมนะ คือการได้ร่วมงานกับ Coldplay เอาจริงๆ ขอแค่ได้เจอกับ Chris Martin ชีวิตผมก็คอมพลีทแล้ว
ขอถามต่อได้ไหมว่าชอบอัลบั้มไหนของ Coldplay มากที่สุด
คำถามนี้ตอบยากมากๆ เลย แต่ถ้าให้เลือกต้องเป็น A Rush of Blood to the Head (2002) เพราะงานชุดนั้นมีเพลง "The Scientist" แล้วก็ "Green Eyes" ผมสามารถฟังอัลบั้มนี้วนไปวนมาแบบไม่มีเบื่อ
คุณมีแผนที่จะออกอัลบั้มเต็มในอนาคตไหม
หลังจากผมทัวร์โปรโมทที่ไทยและฟิลิปปินส์แล้ว ผมจะกลับไปที่อเมริกา ตัวอัลบั้มน่ะมันใกล้ที่จะเสร็จแล้ว และหลังจากที่กลับไปช่วงฮอลิเดย์ ผมมีแผนที่จะมาทัวร์ที่เอเชียอีกครั้ง แผนของผมก็คือปล่อยอัลบั้มเต็มเมื่อไหร่ เราจะกลับมาแสดงคอนเสิร์ตแบบเต็มรูปแบบที่เอเชีย
คุณคิดว่าการฟังเพลงเศร้าทำให้คนรู้สึกดีขึ้นจริงไหม
อาจจะแปลกนะ ผมว่าเพลงเศร้าช่วยให้คนรู้สึกดีขึ้นจริงๆ ผมชอบฟังเพลงเศร้า แต่คนรอบตัวมองว่าถ้าเศร้าอยู่แล้วจะฟังเพลงเศร้าย้ำอีกทำไม เพลงเศร้ามันทรงพลังมากๆนะ มันทำให้คุณรู้สึกไม่โดดเดี่ยว คือในช่วงเวลาที่คนเราจมดิ่ง บางครั้งเราอาจต้องการแค่เพลงๆ นึง ที่บอกเราว่า "ฉันก็ผ่านเรื่องแย่ๆ มาเหมือนกัน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป" เอาจริงๆ นี่คือเหตุผลหลักเลยครับว่าทำไมผมถึงชอบเขียนเพลงเศร้า