"Don't Think Twice, It's All Right" บทเพลงของ Bob Dylan การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ที่ยังไม่อยากผูกมัด
Bob Dylan (บ๊อบ ดีแลน) ศิลปินและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เจ้าของฉายา ‘ราชาเพลงโฟล์ก’ คือเพชรเม็ดงามของวงการดนตรีระดับโลกที่ยังมีลมหายใจ บทเพลงของเขาเรียงร้อยด้วยถ้อยคำที่สละสลวยราวกับบทกวี ซ่อนนัยของการวิพากษ์วิจารณ์สังคม การเมือง และสงคราม โดยเฉพาะเพลงที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เช่น “Blowin’ in the Wind”, “Like a Rolling Stone” และ “Mr.Tambourine Man” เป็นต้น
ปี 2016 ‘บ๊อบ ดีแลน’ ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม นับว่าเป็นนักร้องคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลสาขาดังกล่าว แม้จะถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม แต่ในอีกแง่หนึ่งก็สะท้อนให้เห็นความสามารถของเขาในการประพันธ์เนื้อเพลงและบทกวี ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่านักเขียนผู้สรรค์สร้างงานวรรณกรรมเลย
ในบรรดาเพลงจำนวนมากมายของบ๊อบ ดีแลน มีบทเพลงหนึ่งที่อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักฟังเพลงชาวไทย ทว่ากลับเป็นเพลงบัลลาดขึ้นหิ้งของศิลปินคนนี้ นั่นคือ “Don't Think Twice, It's All Right” แต่งขึ้นในปี 1962 ก่อนจะปล่อยเป็นซิงเกิ้ลของอัลบั้ม The Freewheelin' Bob Dylan ในเดือนสิงหาคมปี 1963
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพลงนี้ของบ๊อบถูกนำไปร้องคัฟเวอร์โดยศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่างน้อย 90 เวอร์ชั่น เช่น Johnny Cash, Eric Clapton, Elliott Smith, Ed Sheeran, Post Malone และ John Mayer เป็นต้น นอกจากนี้ ยังถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบซีรีส์เรื่อง The Walking Dead และภาพยนตร์เรื่อง The Help (2011) อีกด้วย
บ๊อบ ดีแลน ในวัย 21 ปี เขียนเพลง “Don't Think Twice, It's All Right” ขึ้นในช่วงเวลาที่ ‘ซูซ โรโตโล’ (Suze Rotolo) ศิลปินชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นแฟนสาวของเขาในขณะนั้น (ผู้หญิงบนปกอัลบั้ม The Freewheelin' Bob Dylan) ต้องไปศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ประเทศอิตาลี ความสัมพันธ์ระยะไกลทำให้เขาฟุ้งซ่านจนต้องระบายความรู้สึกต่างๆ ออกมาเป็นบทเพลงและกลายเป็นอัลบั้มเต็มในที่สุด
ความน่าสนใจอยู่ที่เพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้ม The Freewheelin' Bob Dylan จะเป็นเพลงรัก แต่ “Don't Think Twice, It's All Right” กลับเป็นเพลงที่มีเนื้อหาแตกต่าง ถ่ายทอดความรู้สึกประชดประชันที่ไม่ค่อยจะแยแสกับความสัมพันธ์สักเท่าไร เล่าถึงผู้ชายที่ยังไม่อยากผูกมัดกับความรัก หลังจากคบหากับผู้หญิงเอาแต่ใจคนหนึ่ง แล้วเธอพยายามเปลี่ยนแปลงตัวตนเขา
ซึ่งผู้ชายยังไม่พร้อมจะเติบโตหรือจริงจังอะไรมากมาย สังเกตได้จากเนื้อร้องท่อนนี้
“I gave her my heart but she wanted my soul”
“ทุ่มให้ทั้งใจยังไม่เคยพอ เธอจะขอยันวิญญาณ”
เริ่มแรกก็อาจทนได้ แต่เมื่อไปถึงจุดๆ หนึ่ง ผู้ชายเองก็อยากกลับไปเป็นตัวของตัวเอง หลายๆ ครั้งเมื่อทะเลาะกัน ผู้ชายหวังให้คนรักง้อคืนบ้าง ทว่าเธอกลับเฉยเมย ไม่มีท่าทีจะรั้งเขาไว้บ้างเลย ผู้ชายคนนี้จึงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการแอบหนีไปตอนที่ผู้หญิงกำลังนอนหลับ คิดไว้ว่าเมื่อฟ้าสว่าง พอเธอตื่นขึ้นมา ก็คงไม่เห็นเขาอีกแล้ว (ขณะเดียวกันก็สะท้อนได้ว่าผู้ชายคนนี้ เป็นคนชอบหนีปัญหาและยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอ)
แต่ระหว่างที่กำลังจะหนี พลันเกิดความรู้สึกโลเลสับสัน เพราะไม่แน่ใจว่าตัดสินใจดีแล้วหรือยัง สุดท้ายก็เลยพูดปลอบตัวเองทำนองว่า “Don't Think Twice, It's All Right” หรือ “อย่าไปคิดมากนักเลย ช่างมันเถอะ โอเคแล้วล่ะ” ว่ากันว่าจริงๆ แล้ว เพลงนี้ก็เปรียบเสมือนตัวแทนของผู้ชายติสต์ที่ชื่อ ‘บ๊อบ ดีแลน’ ในช่วงเวลานั้นนั่นเอง
โดยบ๊อบเคยพูดถึงเพลงนี้ว่า “คนส่วนใหญ่มองว่านี่คือเพลงรักช้าๆ ฟังสบาย ความจริงมันไม่ใช่เพลงรักนะ แต่เป็นเพลงหลอกตัวเองเพื่อทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น หลังได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้วต่างหาก เหมือนเป็นประโยคไว้สำหรับพูดปลอบใจตัวเองนั่นแหละ”
เมื่อเดือนมกราคม ปี 2019 ‘แมตตี้ ฮีลีย์’ ฟรอนต์แมนแห่งวง The 1975 ก็เคยนำเพลงนี้มาร้องให้ Gabriella Brooks (อดีตคนรัก) ฟังระหว่างที่เธอกำลังนอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว โดยเปิดไลฟ์วิดีโอผ่านอินสตาแกรมของเธอควบคู่ไปด้วย นอกจากจะเป็นโมเมนต์น่ารักๆ แล้ว การที่แมตตี้เลือกเพลง “Don't Think Twice, It's All Right” มาเล่นตอนที่ผู้หญิงหลับ ก็อาจสื่อว่าเขาเข้าใจนิยามและความหมายที่ซ่อนอยู่ในบทเพลงนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่บทเพลงยังคงเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง การตีความหมายของเพลง “Don't Think Twice, It's All Right” ก็ย่อมแตกต่างออกไปตามบริบทและประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ฟังแต่ละคน ซึ่งหากมองในแง่ของการให้กำลังใจแล้ว เพลงนี้ก็เหมาะที่จะนำมาใช้ปลอบประโลมใจเมื่อใครสักคนกำลังสับสนกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้วได้เช่นกัน
“Don't Think Twice, It's All Right”
อย่ามัวนั่งนึกหาเหตุผลเลย
ถ้าจนป่านนี้แล้วยังคิดไม่ออก
ก็อย่ามาเสียเวลานั่งนึกอีกเลย
มันไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอก
เมื่อแว่วเสียงไก่ขันยามฟ้าสาง
พอเธอเหลียวมองนอกหน้าต่าง ฉันก็หนีหายไปแล้ว
ก็เธอนั่นแหละ ทำให้ฉันต้องระหกระเหินจากไป
แต่ไม่ต้องคิดมากละ ช่างมันเถอะ
เธอไม่ต้องเปิดไฟให้สว่างหรอก
ฉันไม่คุ้นชินกับแสงไฟนั้น
ไม่ต้องมาพยายามเปิดไฟให้สว่าง
เพราะฉันนั้นคุ้นเคยกับเส้นทางมืดมน
ได้แต่แอบหวังว่าเธอจะพูดหรือทำอะไรสักอย่าง
เพื่อเปลี่ยนใจกันและเหนี่ยวรั้งฉันไว้บ้าง
แต่เราก็ไม่ค่อยจะคุยกันสักเท่าไร
แต่ไม่ต้องคิดมากละ ช่างมันเถอะ
เธอไม่ต้องมาร้องเรียกชื่อฉัน
เหมือนไม่เคยได้เรียกมาก่อน
ไม่ต้องมาร้องเรียกชื่อของฉันอีก
เพราะฉันจะไม่ได้ยินเสียงเธอแล้ว
ฉันครุ่นคิดและสงสัยเมื่อเดินย่ำไปตามถนน
ครั้งหนึ่งฉันเคยหลงรักผู้หญิง แต่แท้จริงเธอมันเด็กเอาแต่ใจ
ทุ่มให้ทั้งใจยังไม่เคยพอ เธอจะขอยันวิญญาณ
แต่ไม่ต้องคิดมากละ ช่างมันเถอะ
ไปแล้วนะ ที่รัก
ส่วนจะมุ่งหน้าไปไหนนั้นยังไม่รู้
คำว่า ‘ลาก่อน’ ยังฟังดูหรูเกินไปสำหรับเธอ
แต่ตัวฉันขอหนีไปแล้วนะ
ไม่ได้จะหาว่าเธอเป็นคนใจร้าย
ช่วยทำกับฉันดีกว่านั้นหน่อยก็ได้นะ
แต่ก็ช่างเถอะ ไม่สนใจละ
เสียเวลาอันมีค่ากับเธอมากเกินพอ
แต่ไม่ต้องคิดมากละ ช่างมันเถอะ
Source:
- The 30 Greatest Bob Dylan Songs: #4, “Don’t Think Twice, It’s All Right”
- DON’T THINK TWICE, IT’S ALL RIGHT
Story By: ตติยา แก้วจันทร์