ความลับที่ซ่อนอยู่ใน 10 มิวสิกวิดีโอเพลงของ Oasis
“Oasis จบลงแล้วว่ะ แม้แต่คนตาบอดยังดูออกเลย! วงจรชีวิตของพวกเราคือการอัดเพลง ทำมิวสิกวิดีโอ เดินสายทัวร์คอนเสิร์ต แล้วก็ทะเลาะกันเอง บางทีกูก็ดีใจเหมือนกันนะที่เรื่องจำเจพวกนี้เดินทางมาถึงจุดจบสักที"
‘เลียม กัลลาเกอร์’ อดีตฟรอนต์แมนแห่งวง Oasis เคยให้สัมภาษณ์นิตยสาร SPIN ไว้ในปี 2011 เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นกรณี Oasis วงแตก หลัง ‘โนล กัลลาเกอร์’ พี่ชายที่แสนดีประกาศลาออกจากวงเมื่อปี 2009 จนต้องปิดตำนานวงดนตรีคนจริงจากเมืองแมนเชสเตอร์
แม้ว่าสมัยที่สองพี่น้องกัลลาเกอร์ยังทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกันอยู่ จะมีวีรกรรมสุดเกรียนให้เล่าขานกันไม่แบบจบไม่สิ้น และตามด้วยเรื่องราวข่าวฉาวอีกมากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลากว่า 18 ปีที่ Oasis โลดแล่นบนเส้นทางสายดนตรี พวกเขาได้ฝากผลงานเพลงสะเทือนวงการไว้มากมาย
หลายบทเพลงทำหน้าที่เป็นเพลงรัก เพลงเศร้า เพลงให้กำลังใจ เพลงแห่งความทรงจำ เพลงเชียร์ฟุตบอล ฯลฯ ทำให้เพลง Oasis ที่กำเนิดจากปลายปากกาของโนล ขับร้องโดยเลียม และร่วมสร้างสรรค์โดยสมาชิกวงแต่ละรุ่น ได้กลายเป็น ‘แทร็กแห่งชีวิต’ ของแฟนๆ หลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก
แน่นอนว่าการเสพผลงานเพลง Oasis นอกจากจะใช้หูตั้งใจฟังแล้ว อาจต้องใช้สายตาชมภาพคูลๆ ควบคู่ไปด้วย เพราะเรากำลังพูดถึง ‘มิวสิกวิดีโอ’ สื่อที่ทำหน้าที่เล่าภาพประกอบเพลงให้มีอรรถรสยิ่งขึ้น แถมยังเป็นอีกหนึ่งวงจรชีวิตที่เลียมบอกว่าซ้ำซากจำเจในประโยคเริ่มต้นของบทความนี้
ขึ้นชื่อว่า Oasis ทั้งที ขอบอกเลยว่ามิวสิกวิดีโอไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะภายใต้เวลา 4-5 นาทีของวิดีโอแต่ละตัวนั้น ได้ซ่อนเรื่องราวสนุกๆ รอให้แฟนเพลงค้นพบไว้มากมาย สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของศิลปินและทีมงานที่ต้องการสร้างกิมมิกบางอย่างให้น่าจดจำ
ตามมาชม 10 มิวสิกวิดีโอเพลงดังของ Oasis ไปพร้อมๆ กันอีกสักรอบ พร้อมเผยทุกความ (ไม่) ลับที่ซ่อนไว้ในเพลงฮิตต่อไปนี้
1) Supersonic
ซิงเกิลเดบิวต์ที่ทำให้อังกฤษรู้จักวงดนตรีจากแมนเชสเตอร์นาม Oasis เป็นครั้งแรก เปิดฉากมาด้วยภาพเลียมแต่งตัวคอสเพลย์เป็น ‘จอห์น เลนนอน’ สวมแว่นตาและสวมเสื้อโค้ท โดยมีสมาชิกที่เหลือยืนเล่นเครื่องดนตรีแบบเกร็งๆ กันเล็กน้อย ส่วนโลเคชั่นที่ใช้ถ่ายทำคือ ดาดฟ้าบนตึกแห่งหนึ่งย่านถนน Euston Road ในกรุงลอนดอน แน่นอนว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากคอนเสิร์ตบนดาดฟ้าของ The Beatles ในปี 1969 (ดูได้จาก MV เพลง Don't Let Me Down) โดยจากจุดที่ Oasis ถ่ายมิวสิกวิดีโอกันนั้นจะมองเห็นสถานีรถไฟคิงส์ครอส และโรงแรม Great Northern
2) Wonderwall
เพลงนี้เคยคว้ารางวัล Brit Awards สาขามิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม ประจำปี 1996 มาครอง หากสังเกตให้ดีจะเห็นมีสมาชิกหน้าใหม่ที่แฟนๆ ไม่คุ้นหน้าโผล่มาแจมในวิดีโอด้วย เขาคือ ‘Scott McLeod’ สมาชิกวง The Ya Ya's (ผู้ชายที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์) มารับหน้าที่เล่นเบสแทน ‘กวิกซี’ มือเบสรุ่นบุกเบิกที่ลาออกจากวงแบบกะทันหัน โดยอ้างว่าเป็นโรคเครียด แม้โนลจะบอกว่าความจริงแล้วมันเป็นโรคสันหลังยาวก็ตาม แต่ต่อมามือเบสหน้าใหม่คนนี้ก็ไม่สามารถไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศกับ Oasis ได้ เนื่องจากทนคิดถึงแฟนสาวไม่ไหว จึงขอลาออกในที่สุด และกวิกซีก็กลับมาทำหน้าที่มือเบสวงต่ออีกครั้ง
3) Don't Look Back In Anger
อีกหนึ่งเพลงชาติของวง Oasis หนึ่งในมิวสิกที่น่าจดจำมากที่สุด ทำให้เสื้อแจ๊กเก็ตที่โนลใส่เข้าฉากกลายเป็นไอเท็มยอดนิยมที่แฟนเพลงหาซื้อมาใส่กันในช่วงปี 1995 โดยสมาชิก Oasis ยกกองไปถ่ายทำที่บ้านหลังหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ผู้กำกับฯ เพลงนี้เคยทำมิวสิกวิดีโอเพลง ‘...Baby One More Time’ ให้บริทนีย์ สเปียส์ นอกจากนี้ 'อลัน ไวท์' มือกลอง Oasis ยังปิ๊งรักกับ Liz Atkins หนึ่งในบรรดาหญิงสาวที่สวมชุดสีขาวและยืนลิปซิงค์ประกอบเพลงกลางกองถ่าย หลังจากนั้นทั้งคู่คบหากันและเข้าพิธีแต่งงานในปี 1997 แต่ปัจจุบัน...หย่ากันแล้ว"
4) Stand By Me
ใครที่ฟังเพลง Stand By Me แล้วประทับใจ รู้สึกซาบซึ้งไปกับเนื้อหาขี้อ้อน อาจต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะโนลเขียนเพลงนี้ขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากอาการอาหารเป็นพิษ หลังเข้าครัวโชว์ฝีมือทำเมนู ‘ซันเดย์โรสต์’ (อาหารที่ประกอบด้วยเนื้ออบเป็นหลัก) ตอนที่ย้ายมาอาศัยในกรุงลอนดอน สำหรับมิวสิกวิดีโอจะมีฉากที่โนลเดินผ่านแผ่นโปสเตอร์คอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ของ Oasis จัดขึ้นที่ Knebworth ในปี 1996 มีแฟนเพลงแห่มาชมมากกว่า 2 แสนคน ถัดไปไม่ไกลนัก มีโปสเตอร์ปกอัลบั้ม A Hard Day's Night ของ The Beatles แปะอยู่ด้วย แถมยังมีตัวเลข '21' ปรากฏอยู่เต็มไปหมด โดยมีที่มาจากวันที่ 21 สิงหาคม 1997 วันกำหนดวางจำหน่ายอัลบั้ม Be Here Now ซึ่งมีเพลง Stand By Me รวมอยู่ด้วยนั่นเอง
5) Live Forever
มิวสิกวิดีโอเพลง Live Forever มี 2 แบบ ใช้สำหรับออกอากาศในประเทศอังกฤษและสหรัฐฯ แต่จะขอพูดถึงเวอร์ชั่นอังกฤษ เพราะมีฉากหนึ่งที่ ‘Tony McCarroll’ มือกลองของวงเดินถือไม้กลองและลงไปนอนในหลุมให้เพื่อนๆ ฝังดินทั้งเป็น เดิมทีจะต้องฝังแค่ไม้กลองอย่างเดียว แต่โนลดันไอเดียบรรเจิดและเสนอขึ้นมาว่า “กูอยากให้ฝังมือกลองลงไปด้วยว่ะ” สำหรับประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือ กีตาร์ Gibson Les Paul รุ่นปี 1960 ที่โนลถือเข้าฉาก เป็นกีตาร์ที่จอห์นนี มาร์ ซื้อมาจากพีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who และมอบให้โนลยืมใช้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากตอนนั้นโนลไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อกีตาร์ดีๆ
คำร่ำลือกล่าวว่ากีตาร์ตัวนี้มีพลังพิเศษซ่อนอยู่ ใครจับมาเล่นก็สามารถเขียนเพลงดังขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นเพลง Panic ของ The Smiths และเพลง Slide Away ของ Oasis ก็มาจากกีตาร์ตัวนี้เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่กีตาร์วิเศษพังเสียหายจากเหตุการณ์คอนเสิร์ตที่นิวคาสเซิล เมื่อปี 1994 เพราะโนลยกกีตาร์ขึ้นฟาดหัวใครสักคนท่ามกลางความวุ่นวาย แถมยังมีหน้าโทรไปหาจอห์นนี มาร์ ซึ่งพ่อพระคนนี้ได้บอกโนลว่า "ไม่เป็นไร ไม่ต้องเศร้าไปหรอก เรื่องไม่คาดฝันแบบนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอแหละ" แต่คำตอบของป๋าโนลคือ "ไม่ได้เศร้าครับเฮีย…แต่ผมอยากได้กีตาร์ตัวใหม่"
6) Don’t Go Away
ได้ชื่อว่าเป็นเพลงที่แฟนเพลง Oasis หวงแหนมากที่สุด เพราะถูกเขียนขึ้นในช่วงเวลาที่สองพี่น้องกัลลาเกอร์มีความกังวลว่า ‘คุณแม่เพ็กกี้’ จะล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง จึงเกิดความรู้สึกกลัวการสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป แต่ก็ไม่สามารถอยู่ดูแลได้ เนื่องจากต้องไปทัวร์คอนเสิร์ตที่สหรัฐฯ หากได้ชมวิดีโอเพลงนี้อาจมึนงงกับภาพแปลกตาที่ไม่สามารถตีความได้ เพราะนี่คือภาพที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานศิลปะแนว Surrealism ของ René Magritte ศิลปินชื่อดังของโลกชาวเบลเยียม โดยเฉพาะฉากฝนตกลงมาเป็นเลียม กัลลาเกอร์ กำลังยืนถือร่ม ได้รับอิทธิพลมาจากภาพวาดที่ชื่อ Golconda
7) I’m Outta Time
นี่คือเพลงที่เลียมเขียนเอง และการันตีว่าเขาคือติ่งของ ‘จอห์น เลนนอน’ อย่างแท้จริง บทเพลงบัลลาดที่นำเสียงจริงๆ ของเลนนอนมาเปิดประกอบวิดีโอด้วยประโยคที่ว่า "As Churchill said, it's every Englishman's inalienable right to live where the hell he likes. What's it going to do, vanish? Is it not going to be there when I get back?" เป็นเสียงการให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของเลนนอนผ่าน BBC Radio 2 ในปี 1980 ก่อนตำนานเต่าทองคนนี้จะถูกยิงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ช่วงท้ายของวิดีโอเพลง I’m Outta Time ใช้เทคนิคถ่ายทำแบบ Close-Up เพื่อให้มีภาพความใกล้เคียงกับปกหลังอัลบั้ม Imagine และ Mind Games ของจอห์น เลนนอน
8) The Masterplan
เพลงหน้าบีที่ทำให้ใครหลายคนน้ำตาคลอเบ้าหลังชมหนังสารคดีเรื่อง Supersonic มิวสิกวิดีโอเพลงนี้สร้างความแปลกใจให้แฟนๆ ด้วยการใช้ภาพการ์ตูนเล่าเรื่อง แต่เดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นใคร เนื่องจากการ์ตูนแต่ละตัวมีคาแร็กเตอร์ชัดเจน โดยเฉพาะท่าเดินอันยียวนกวนประสาทของเลียม หากสังเกตให้ดีจะรู้ว่าฉากหลังทั้งหมดคือเมืองแมนเชสเตอร์ นอกจากสมาชิก Oasis เดินผ่านสโมสรฟุตบอลแมนฯ ซิตี้แล้ว ยังเดินผ่านร้านขายเครื่องดนตรีที่ชื่อ Johnny Roadhouse Music อีกด้วย นี่คือร้านที่ทั้งโนลและเลียมมักแวะไปซื้ออุปกรณ์ดนตรีสมัยที่เริ่มตั้งวง Oasis และยังไม่มีชื่อเสียง เป็นพิกัดสำคัญก็จริง แต่มักไม่ค่อยถูกพูดถึงมากเท่ากับร้านแผ่นเสียง Sifters Records ที่ปรากฏในเนื้อเพลง Shakermaker
9) Some Might Say
เพลงที่เปลี่ยน Oasis ไปตลอดกาล เพราะนี่คือเพลงแรกของพวกเขาที่เข้าไปติดชาร์ตอันดับ 1 ได้สำเร็จ โนลบอกว่า “กูรู้ตั้งแต่เขียนเพลงเสร็จเลย เพลงนี้ดังแน่” และยังเป็นเพลงที่ Tony McCarroll สมาชิกรุ่นบุกเบิกทำหน้าที่ตีกลองให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกเชิญให้ออกจากวงและเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่ ความพีคคือมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ใช้ฟุตเทจภาพเก่าที่นำมาจาก 3 เพลงด้วยกัน ได้แก่ Cigarettes & Alcohol, Supersonic เวอร์ชั่นออกฉายในสหรัฐฯ และ Whatever เวอร์ชั่นออกฉายในอังกฤษ โดยนำภาพทั้งหมดมาตัดต่อผสมกันจนกลายเป็นวิดีโอเพลง Some Might Say ได้สำเร็จ ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ…พอดีว่าวันที่นัดถ่ายทำวิดีโอ เลียม กัลลาเกอร์ หายไปไหนก็ไม่รู้ ไม่ยอมมาเข้าฉาก…
10) Champagne Supernova
เพลงนี้มีความยาวถึง 7 นาทีกว่า และเป็นเพลงที่ Oasis เคลมว่าพวกเขาต้องเล่นทุกคืนระหว่างไปทัวร์คอนเสิร์ตปี 1995-1998 ในตอนท้ายของวิดีโอจะเห็นเลียมกำลังนั่งต่อคำศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นคำว่า HELP ซึ่งเป็นชื่ออัลบั้มของ The Beatles (อีกแล้ววว…) ในขณะที่โนลแย้งแบบไม่ไว้หน้าน้องรักว่า "จริงๆ แล้ว ไอ้เลียมจะเขียนคำว่า 'Hello' ต่างหาก แต่มันแม่งสะกดคำไม่ถูก" นอกจากนี้ยังได้เห็นโนลนั่งถือกีตาร์ลายยูเนียนแจ็กแบบเท่ๆ อีกด้วย ซึ่งเขาตั้งชื่อให้ว่ากีตาร์ตัวดังกล่าวว่า Supernova มีที่มาจากชื่อเพลง Champagne Supernova นั่นเอง เท่านั้นยังไม่พอ…เพราะหลังจากเพลงโด่งดัง โนลยังตั้งชื่อบ้านหลังใหม่ว่า Supernova Heights อีกด้วย
Source
- Oasis’ Maine Road Gigs Turn 20 – Five Reasons Why They Defined The Mid-90s
- Oasis: 20 Things You May Not Know About ‘Wonderwall’
- Alan and Liz Split news
- Be Here Now: Seventy-two Minutes
- Definitely Maybe: 10 things you never knew
Story by: All about RKID