แปลเพลง : The Verve - Bitter Sweet Symphony ซิมโฟนี่และชีวิตอันหวานขม
"Bitter Sweet Symphony" นับเป็นสุดยอดผลงานสร้างชื่อของ The Verve และยังเป็นบทเพลงที่นิยามความเป็นบริทป็อปยุคปลายได้ชัดเจนที่สุด อย่างไรก็ตาม The Verve กลับต้องเผชิญปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ของเพลงนี้ เนื่องจากถูกวงรุ่นเก๋าอย่าง The Rolling Stones เรียกร้องส่วนแบ่งแทบทั้งหมด เพราะพาร์ทเครื่องสายของ "Bitter Sweet Symphony" ถูกนำมาจาเพลง "The Last Time" ของ The Rolling Stones
เดิมที The Verve ได้ขออนุญาตใช้เมโลดี้เครื่องสายกับทาง Andrew Oldham Orchestra (ผู้บันทึกเสียงเครื่องสายเพลง "The Last Time") เป็นที่เรียบร้อย แต่เมื่อ "Bitter Sweet Symphony" โด่งดังเป็นพลุแตก อัลเลน ไคลน์ อดีตผู้จัดการและเจ้าของลิขสิทธิ์เพลง The Rolling Stones ก็ออกมาโจมตีว่าเพลงเหมือนต้นฉบับเกินไป ซึ่งมองในแง่กฏหมาย The Verve ผิดจริงทุกประการ เพราะคำอนุญาตของ Andrew Oldham Orchestra ไม่มีน้ำหนักพอ และไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง จึงเป็นช่องให้อัลเลน ไคลน์เล่นงาน The Verve ได้เต็มที่
สุดท้ายแล้ว The Verve ต้องแบ่งค่าลิขสิทธิ์จำนวนมหาศาลให้ The Rolling Stones และยังต้องยอมให้สองสมาชิกวงหินกลิ้ง แจ็กเกอร์/ริชาร์ด มีชื่อในเครดิตในฐานะนักเขียนเพลงร่วม ทั้งที่ทั้งคู่ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับเพลงนี้เลย
เมื่อความเป็นจริงอันแสนเศร้าของชีวิตถาโถมเข้าหาแบบนี้ "Bitter Sweet Symphony" นั้นทำได้เพียงมอบชื่อเสียงอันหอมหวานให้กับ The Verve ให้โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะเจ้าของบทเพลงร็อคที่ยิ่งใหญ่เพลงหนึ่งในช่วงปลายยุค 90s แต่ขณะเดียวกัน ก็มอบความขื่นขมของชีวิตผ่านข้อเท็จจริงที่ว่า ทุกครั้งที่คุณสตรีมเพลงนี้ ค่าลิขสิทธิ์จะไหลผ่านพวกเขาไปสู่กระเป๋าของผู้เคลมว่าตัวเองเป็นเจ้าของเพลง ช่างเป็นเรื่องราวที่มีรสขมปนหวานไม่ต่างจากชื่อเพลงอย่างแท้จริง
'Cause it's a bittersweet symphony, that's life
Tryna make ends meet
You're a slave to money then you die
ชีวิตเราก็เปรียบเสมือน
บทเพลงซิมโฟนีรสขมอมหวาน
หาเลี้ยงตัวเองให้รอดไปวันๆ
ตกเป็นทาสของเงินตรา
แล้วก็ตายๆ ไปซะ
I'll take you down the only road I've ever been down
You know the one that takes you to the places
Where all the veins meet yeah
ฉันจะนำเธอเดินไป
บนถนนเพียงเส้นเดียวที่เคยเดินมาแล้ว
ถนนเส้นนั้นนั่นแหละ
เส้นที่พาเธอไปยัง
จุดที่เส้นเลือดทั้งหมดมาบรรจบกัน
No change, I can change
I can change, I can change
But I'm here in my mold
I am here in my mold
But I'm a million different people
From one day to the next
I can't change my mold
No, no, no, no, no
Have you ever been down?
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น
ฉันต้องเปลี่ยนได้สิ
ต้องเปลี่ยนตัวเองได้
ต้องเปลี่ยนได้
แต่ฉันยังเป็นตัวเอง
เป็นตัวของตัวเอง
ถึงจะเปลี่ยนตัวตนไปเท่าไหร่
ก็ไม่อาจเปลี่ยนตัวเองได้จริงๆ
ไม่มีทาง
เธอเคยเดินบนเส้นทางนี้บ้างไหม
Well I've never prayed
But tonight I'm on my knees yeah
I need to hear some sounds that recognize the pain in me
ฉันไม่เคยสวดมนต์อ้อนวอนมาก่อน
แต่ค่ำคืนนี้ ฉันคุกเข่าเตรียมพร้อม
อยากได้ยินเสียงปลอบประโลม
เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดภายในใจให้เบาบางลงหน่อย
I let the melody shine,
Let it cleanse my mind,
I feel free now
But the airwaves are clean and there's nobody singing to me now
ปล่อยให้ท่วงทำนองเจิดจ้าสว่างไสว
ให้มันชำละล้างจิตใจของฉันให้ใสสะอาด
รู้สึกเป็นอิสระอย่างเต็มที่แล้ว
แต่คลื่นความถี่เสียงกลับเงียบสนิท
ไม่มีใครร้องเพลงกับฉันเลยในตอนนี้
'Cause it's a bittersweet symphony, this life
Tryna make ends meet
Tryna find some money then you die
ชีวิตเราก็เปรียบเสมือน
บทเพลงซิมโฟนีรสขมอมหวาน
เลี้ยงตัวเองให้รอดไปวันๆ
พยายามหารักแท้
ก่อนจะตายจากโลกนี้ไป
I'll take you down the only road I've ever been down
You know the one that takes you to the places
Where all the veins meet yeah
ฉันจะนำเธอเดินไป
บนถนนเพียงเส้นเดียวที่เคยเดินมาแล้ว
ถนนเส้นนั้นนั่นแหละ
เส้นที่พาเธอไปยัง
จุดที่เส้นเลือดทั้งหมดมาบรรจบกัน
It's just sex and violence, melody and silence
Gotta, can't change my violence, melody and silence
มันก็แค่เซ็กซ์กับความรุนแรง
ท่วงทำนองแห่งบทเพลงกับความเงียบงัน
ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความรุนแรง
ท่วงทำนองและความเงียบงันภายในได้
Lyrics Translated by
แปลเพลงเล่นกลอน - Lyrics in Poem