รีวิวคอนเสิร์ต SUGA | Agust D TOUR 'D-DAY' IN BANGKOK
ปฏิเสธไม่ได้ว่า BTS ได้รับการยอมรับในฐานะวงดนตรีจากเอเชียที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก เรื่องราวของพวกเขาสัมผัสใจผู้คนทั่วโลก จากกลุ่มเด็กหนุ่มชาวเกาหลีใต้ที่มีความฝันอยากเป็นศิลปินไอดอล ทุ่มเททำงานอย่างหนักจนพลิกฟื้นค่ายเพลงที่เคยจะล้มละลายให้กลับกลายมามีมูลค่ามหาศาลในอุตสาหกรรมดนตรีโลก จนทุกวันนี้คนเกาหลีพูดได้เต็มปากว่า ‘บังทันโซยอนดัน’ คือความภาคภูมิใจของประเทศและเป็นตัวแทน Soft Power จากเอเชียที่ทรงอิทธิพลแห่งยุค
‘มิน ยุนกิ’ เด็กหนุ่มฐานะยากจนจากเมืองแทกู (Daegu) อดีตแร็ปเปอร์ใต้ดินที่ก้าวมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง BTS โดยใช้ชื่อว่า ‘SUGA’ เส้นทางชีวิตที่ลำบากและไม่ราบรื่นทำให้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโดนโกงจากการทำเพลงขายสมัยที่ไม่มีชื่อเสียง พ่อแม่ไม่ยอมรับในอาชีพไอดอล หรือช่วงก่อนเดบิวต์ที่ต้องทำงานเป็นพนักงานส่งอาหารเพื่อหารายได้เสริม วันหนึ่งประสบอุบัติเหตุแต่ก็ไม่กล้าบอกค่ายเพราะกลัวจะโดนห้ามเป็นเด็กฝึก ซึ่งเขาเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บหัวไหล่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง
เดิมที SUGA เข้ามาออดิชั่นเพราะต้องการเป็นแร็ปเปอร์ในวงฮิปฮอป แต่ดันได้เดบิวต์เป็นสมาชิกวงไอดอล BTS และยังทำหน้าที่เป็นนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ประจำวง จนแฟนเพลงต่างแซวกันขำๆ ว่า “ชูก้าโดนหลอกมาเต้นในวง BTS” นอกเหนือจากการเป็นไอดอล เขายังใช้อีกชื่อหนึ่งว่า ‘Agust D’ สำหรับใช้ทำงานเพลงสไตล์ฮิปฮอปที่เขาหลงรักมาตั้งแต่แรก จุดเด่นอยู่ที่การแร็ปเกรี้ยวกราด แต่งเพลงวิจารณ์สังคม ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต ความฝัน และอุปสรรคต่างๆ ที่ได้พบเจอ โดยคำว่า Agust D มาจากชื่อ SUGA ที่อ่านเรียงแบบกลับหลัง ส่วนตัวอักษร t และ D มาจาก Daegu Town (แทกูทาวน์) บ้านเกิดของเขานั่นเอง
นอกจากนี้ SUGA ยังเป็นสมาชิกคนแรกของวง BTS ที่ประกาศเวิลด์ทัวร์ โดยหนึ่งในนั้นมีกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางในชื่อทัวร์ SUGA | Agust D TOUR 'D-DAY' IN BANGKOK’ ณ อิมแพ็คอารีน่าฯ ในวันที่ 9-11 มิถุนายน เขาไม่มั่นใจว่าจะมีแฟนๆ สนใจคอนเสิร์ตเดี่ยวมากน้อยแค่ไหน จึงเลือกจัดคอนเสิร์ตในระดับอารีน่าที่มีความจุน้อยกว่าสเตเดี้ยม แต่บัตรทั้ง 3 รอบในประเทศไทยก็ขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว เชื่อว่าไม่ใช่แค่อาร์มี่ที่เข้ามาชมคอนเสิร์ตในครั้งนี้ แต่ยังมีแฟนเพลงทั่วไปที่ต้องการชมโชว์ของ SUGA ในฐานะหนึ่งในสมาชิกของบอยแบนด์ที่โด่งดังที่สุดในขณะนี้ ซึ่งพูดได้เต็มปากว่าเขากลายเป็นศิลปินระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว
เวลา 19.00 น. โชว์ก็เริ่มขึ้นด้วยการเปิด VCR เล่าเรื่องราวตัวตนของ SUGA ในนาม Agust D ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มฮอลล์ ก่อนที่ตัวเอกของค่ำคืนนี้จะปรากฏตัวขึ้นบนเวทีพร้อมเล่นเพลง “Haegeum” ซึ่งเป็นไตเติ้ลแทร็กจากอัลบั้มเดี่ยวล่าสุด D-Day ที่หยิบเคป็อบมาผสมบีทฮิปฮอป ชวนแฟนๆ กระโดดสุดมันและร้องตามสุดเสียง หากใครได้ติดตามข่าวจะทราบว่า SUGA ได้เดินทางมาถ่ายทำ MV เพลงนี้ที่กรุงเทพฯ โดยใช้ทีมงานไทยในการถ่ายทำเยอะมากๆ ก่อนจะตามมาด้วยเพลง “Daechwita” สร้างบรรยากาศสนุกครึกครื้น จัดเต็มด้วยโปรดักชั่นสุดอลังการทั้งแสง สี เสียง และเหล่าทีมเต้นมืออาชีพ
สำหรับซีนที่เฝ้ารอคอยก็คือการที่ SUGA คว้ากีต้าร์โปร่งมาเล่นเพลง “Seesaw” ในเวอร์ชั่นอะคูสติก พักสายตาจากแร็ปเปอร์เข้มๆ เปลี่ยนมาเป็นศิลปินสุดละมุนถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ยื้อกันต่อไปไม่ไหว เปรียบเสมือนการนั่งเล่น ‘กระดานหก’ ที่ต้องยอมรับความจริงว่าต้องมีใครสักคนเลิกเล่นและเดินจากไป กลายเป็นโมเมนต์ซึ้งๆ ที่ประทับใจใครหลายคน ต่อด้วยอีกเพลงบัลลาด “SDL” ก่อนจะปรับโหมดไปใช้สกิลแร็ปดุดันไม่เกรงใจใครอีกครั้ง เช่น เพลง “Moonlight”, “Burn It”, “Ddaeng”, “HUH?!” เป็นต้น ถือว่าเป็นการจัดเซ็ตลิสต์ผสมเพลงเก่าและใหม่อย่างลงตัว
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ชื่นชอบของโชว์นี้ก็คือใช้เทคนิคการเล่าเรื่องผ่านภาพ VCR คล้ายๆ กับภาพยนตร์สั้นให้แฟนๆ ได้ชมเพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวในแต่ละพาร์ท หลายบทบาทที่แตกต่างกันผสานรวมเป็นตัวตนเดียว เหมือนชีวิตของ SUGA ที่ผ่านเรื่องราวการเติบโต การต่อสู้ดิ้นรน เผชิญความกดดันทั้งทุกข์และสุข พิสูจน์ตัวเองว่าแม้จะอยู่ในวงไอดอลก็สามารถเป็นแร็ปเปอร์ที่เจ๋งได้ เหมือนที่ครั้งหนึ่ง SUGA เคยเขียนเพลงถึงวงการแร็ปเปอร์ที่เคยดูถูกเขาว่า “พวกแร็ปเปอร์ห่วยๆ ควรขอบคุณที่กูเลือกมาเป็นไอดอล”
ทั้งนี้ ในโชว์ยังมีการฉายภาพเพื่อระลึกถึง ‘ริวอิจิ ซากาโมโตะ’ นักประพันธ์ชั้นครูชื่อดังชาวญี่ปุ่นที่ล่วงลับ ซึ่ง SUGA ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับ อ.ริวอิจิ ในเพลง “Snooze” ส่วนอีกโมเมนต์ที่น่าจดจำไม่แพ้กันก็คือโปรเจกต์แฟนชานท์ที่เหล่าอาร์มี่ไทยตกลงกันว่าจะพูดชื่อ 7 สมาชิกวง BTS ระหว่างที่ SUGA เล่นเปียโนเพลง “Life Goes On” จนเจ้าตัวหันมาอมยิ้มอย่างภูมิใจ แถมในช่วงท้ายๆ เขายังเซอไพรส์ด้วยการเดินลงไปด้านล่างเวทีเพื่อเลือกโทรศัพท์มือถือ (ซัมซุงเท่านั้น) จากมือแฟนๆ มาถ่ายวิดีโอ รวมถึงการเดินตรงเข้าไปจับมือกับ ‘แฟนบอย’ วัยคุณลุงท่านหนึ่งเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างไม่ถือตัว
ไม่เพียงเท่านั้น SUGA ยังโชว์พูดภาษาไทยบนเวที ไม่ว่าจะเป็น “สวัสดีครับ” , “ขอเสียงหน่อย” , “แตงโมปั่น” และ “เธอมันเริ่ด” พร้อมทั้งบอกแฟนๆ ว่าเขายังจดจำได้ดีว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยที่ BTS เพิ่งเดบิวต์ ยังไม่มีชื่อเสียง ได้เดินทางมาประเทศไทยครั้งแรก แต่กลับได้รับกำลังใจและการตอบรับที่ดี อีกทั้งให้สัญญาว่า “หากมีโอกาสจะกลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมกับสมาชิกทั้ง 7 คน” (BTS แยกย้ายทำงานเดี่ยว-เข้ากรมรับใช้ชาติ จะรวมตัวอีกครั้งในปี 2025) มีหลายซีนที่ SUGA หยอกล้อกับแฟนๆ ไม่ว่าจะเป็นการแกล้งร้องไห้เมื่อบอกว่าโชว์ใกล้จะจบลง หรือโชว์แอ็กติ้งการแสดงต่างๆ บนเวที ทำให้รอบนี้เขาได้รับฉายาจากแฟนเพลงชาวไทยว่า “พี่ดารา”
เวลา 2 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงช่วงสุดท้าย การันตีได้ว่านี่คือคอนเสิร์ตที่สนุก มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยพลังและไอเดียสร้างสรรค์ อีกทั้งผู้ชมยังมีส่วนร่วมอย่างดีตลอดทั้งโชว์ ใครก็ตามที่ได้ไปชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ถึงจะไม่ได้เป็นอาร์มี่มาก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยก็คือความเป็นมืออาชีพระดับโลกของ SUGA ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือโชคช่วยที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเปล่งประกายเช่นนี้ แต่ทั้งหมดมาจากความทุ่มเททำงานหนัก ฝึกฝนจนชำนาญ และเตรียมความพร้อมมาอย่างดี แม้ในวันคอนเสิร์ตเขาจะไม่สบายก็ตาม แต่กลับแสดงพลังออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมสมการรอคอย
เขาเลือก “The Last” ไว้เป็นเพลงลำดับสุดท้าย นี่คือเพลงแร็ปดุดันที่เปรียบเป็นบทสรุปตัวตนของ SUGA และ Agust D ที่เล่าเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเขา การต่อสู้กับความสับสนภายในจิตใจของตัวเอง บางครั้งก็มาในรูปแบบภาวะซึมเศร้าที่เขาต้องเผชิญนานหลายปี บางครั้งก็มาในคราบปีศาจที่หิวกระหายความสำเร็จ ซึ่งต้องแลกมาด้วยชีวิตวัยรุ่นที่สูญหายไป แต่สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าแม้ตัวตนทั้งหมดจะประกอบร่างขึ้นจาก ‘ความเจ็บปวดในอดีต’ แต่เขาคนนี้ก็จะมุ่งมั่นเป็นศิลปินที่แฟนๆ ภาคภูมิใจให้ได้
หลังจากคอนเสิร์ตในค่ำคืนนั้นจบลง เรามั่นใจว่า SUGA หรือ Agust D ได้ทำสำเร็จแล้ว เพราะเขาคือศิลปินที่พิสูจน์ความสามารถจนได้รับความรักจากแฟนๆ อย่างท่วมท้น แม้จะเป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวแต่ก็คุมเวทีอยู่ตลอดทั้งโชว์ สมศักดิ์ศรีหนึ่งในสมาชิกของ BTS ทันทีที่เสียงร้องเพลงสุดท้ายจบลง เขาปิดโชว์แบบไม่เหมือนใคร ด้วยการหันหลังเดินก้าวฉับๆ ลงจากเวทีทันที ราวกับว่าบนเส้นทางนี้เขามาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ และค่ำคืนนี้ก็ไม่ใช่การร่ำลาที่แท้จริง แม้หลังจากนี้ SUGA อาจต้องมีกำหนดเข้ากรมรับใช้ชาติ แต่การเดินทางของเขายังไม่ได้จบลงแค่นี้ จนกว่าจะพบกันใหม่...
Story by Tatiya Kaewchan
Picture by BIGHIT MUSIC