บทสัมภาษณ์ Oh Wonder การกลับมาเยือนเมืองไทยอีกครั้ง ด้วยการจัดโชว์สุดพิเศษย่านเยาวราช
ผ่านไปเรียบร้อยสำหรับคอนเสิร์ตสุดพิเศษของ Oh Wonder ที่เพิ่งไปแสดงโชว์ที่สามบาร์ย่านเยาวราช ได้แก่ Baan Rim Naam, Ba hao และ FooJohn Building ซึ่งได้กระแสตอบรับอย่างท่วมท้น
กลับมาคราวนี้ Oh Wonder ยังรีเทิร์นพร้อมกับอัลบั้มชุดล่าสุด No One Else Can Wear Your Crown ที่มีซิงเกิ้ลอย่าง "Hallelujah", "Happy" และ "I Wish I Never Met You" ซึ่งอัลบั้มชุดนี้มีกำหนดออกเต็มๆ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2020
ล่าสุดเราได้มีโอกาสพูดคุยเป็นเวลาสั้นๆ กับ Josephine Vander Gucht และ Anthony West ตั้งแต่เรื่องการกลับมาเยือนที่ไทยอีกครั้ง คอนเซปต์เพลงจากอัลบั้มชุด No One Else Can Wear Your Crown ที่จะออกมาให้ฟังในเร็วๆ นี้
รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมาไทย
แอนโทนี : ตื่นเต้นมากๆ เลย
โจเซฟิน : เราจะไปแสดงที่ย่านเยาวราช วันอาทิตย์ แสดงเสร็จก็ไปอีกที่นึง แต่เป็นโชว์เล็กๆ นะคะ มันเจ๋งมากที่ได้แสดงต่อหน้าคนเพียง 100 คน ต้องออกมาเจ๋งมากๆ ค่ะ
ยังจำคอนเสิร์ตของ Oh Wonder ครั้งแรกที่ไทยได้ไหม
แอนโทนี : ผมจำได้คนดูที่กรุงเทพครั้งนั้น ร้องเพลงตามเสียงดังที่สุด มันบ้ามากๆ เลย
โจเซฟิน : เราแสดงสองวันติดต่อกัน วันแรกแฟนๆ ร้องเพลงเสียงดังมาก คือเราใส่อินเอียร์ใช่ไหมคะ เพื่อจะได้ยินพวกเรากันเอง แต่เสียงแฟนเพลงดังมาก จนเราไม่ได้ยินอะไรเลย คืนที่สองเราเลยต้องหาลำโพงมาติดตั้งเพิ่ม เพราะเสียงเราต้องดังกว่าผู้ชมสิ
แอนโทนี : ท้าทายมากเลยครับ
โจเซฟิน : คอนเสิร์ตที่กรุงเทพเสียงดังที่สุดค่ะ
อัลบั้มชุดล่าสุด No One Else Can Wear Your Crown มีความพิเศษอย่างไร
แอนโทนี : ครั้งนี้เรามีเวลามากพอที่จะทำอัลบั้ม มีเวลาประมาณ 1 ปี เราใช้เวลาทำประมาณ 8 เดือน เรามีโอกาสที่แบบ... คือเราทัวร์ไม่หยุดเลย 2 ปี มันเป็นเวลาที่เราได้นอน พักผ่อน มีเวลาคิดว่าจะทำอะไรใหม่ๆ
โจเซฟิน : ฉันว่ามันมีความส่วนตัวมากกว่าชุดก่อนๆ เพลงจะเกี่ยวกับเรา หรือไม่ก็คนที่เรารู้จัก
แอนโทนี : เป็นภาพสะท้อนของคนที่เรารู้จัก
โจเซฟิน : ใช่ แต่ก็มีความสบายๆ แบบอัลบั้มแรก เรายังทำเพลงที่สวนของเรา ดนตรียังให้ความรู้สึกเหมือนเดิม แต่มีความส่วนตัวมากขึ้น
ช่วยพูดถึงเบื้องหลังมิวสิกวีดีโอ "Hallelujah"
แอนโทนี : เป็นเอ็มวีที่สนุกมากๆ ครับ
โจเซฟิน : แต่ก็ระทึกใจมากๆ ด้วย
แอนโทนี : มีกล้องคอยจับตาพวกเรา นักแสดงก็ต้องซ้อมมาอย่างดี
โจเซฟิน : เรามีเวลาซ้อม 2 วัน
แอนโทนี : ก็ซ้อมราวๆ 40 ครั้งโจเซฟิน : แต่ถ่ายจริงแค่วันเดียว เริ่มถ่ายตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนกว่าดวงอาทิตย์จะตก แล้วตอนนั้นมันก็เริ่มเย็นแล้ว แต่เรายังไม่มีเทคที่ใช้ได้เลย ผู้กำกับบอก เราต้องถ่ายให้ได้ ต้องได้เดี๋ยวนี้เลย นี่คือเทคสุดท้ายนะ เราสองคนแบบ...
แอนโทนี : เรากดดันมากเลยครับ
โจเซฟิน : สาม สอง หนึ่ง เรามองหน้ากัน เทคนี้ต้องได้ พอถ่ายเสร็จ ผู้กำกับก็ยกนิ้วให้ พวกคุณทำได้ ระทึกใจมากๆ ค่ะ เกือบจะไม่ได้วีดีโอแล้ว
การได้มีโอกาสทัวร์รอบโลก ได้ไปเยือนในหลายประเทศ โอกาสเหล่านี้ให้แรงบันดาลใจอะไรกับพวกคุณบ้าง
แอนโทนี : การได้เดินทางทำให้คุณมองเห็นความสำคัญของครอบครัวและเพื่อนครับ
โจเซฟิน : มันทำให้ฉันรู้ว่า มนุษย์ทุกคนทั่วโลก เราทุกคนเหมือนกัน เราแค่พูดคนละภาษา มีอาหารต่างกัน นับถือพระเจ้าต่างกัน เสียงเราต่างกัน แต่เราคือมนุษย์เหมือนกัน เรามีหัวใจ ความนึกคิด มีความรู้สึกรักและเกลียด และเราพยายามอย่างหนักเพื่อสิ่งที่เรียกว่าความสุข พยายามไม่รู้สึกแย่ อยากรู้สึกดีกับตัวเอง อยากมีส่วนร่วมกับโลกใบนี้โจเซฟิน : คือเราก็เป็นคนเหมือนกัน อยากทำอะไรดีๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องตัดสินคนอื่นด้วย แต่บางครั้งชีวิตก็ยากลำบาก บางครั้งชีวิตก็มอบสิ่งดีๆ ไม่รู้สิ แต่การได้ท่องเที่ยวคุณจะไม่เห้นถึงความแตกต่างอีกต่อไป
แอนโทนี : มันจะไม่มีเส้นกั้นแบ่งอีกต่อไป
โจเซฟิน : คุณจะไม่เห็นเส้นกั้นแบ่ง คุณแค่เห็นมนุษย์ทั่วโลก ได้เห็นอะไรแบบนี้รู้สึกดีมากๆ เลย
พูดถึงที่มาของเพลง "Happy"
แอนโทนี : ปกติแล้วเราเขียนเพลงที่ลอนดอน แต่เพลงนี้เราเขียนที่แอลเอ เขียนร่วมกับนักเขียนเพลงคนโปรดของเรา Sasha Sloan
โจเซฟิน : เธอเป็นศิลปินที่เก่งมากๆ
แอนโทนี : เธอทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกับเรา เราเลยเขียนเพลงนี้ขึ้นมา มันเกี่ยวกับการก้าวข้ามเรื่องแฟนเก่าหรือคู่รัก แต่เป็นไปอย่างมีความสุข ไม่คิดร้ายต่อกัน ไม่โกรธเคืองต่อกัน
มีอะไรฝากถึงแฟนเพลงชาวไทยไหม
โจเซฟิน : สวัสดีค่ะแฟนๆ ชาวไทย เรารักพวกคุณมาก ขอบคุณทีฟังเพลงของเรา ดีใจมากที่ได้มาที่ประเทศไทย
แอนโทนี : ดีใจที่ได้กลับมาอกีครั้ง
โจเซฟิน : เรารักอาหารไทยมาก
แอนโทนี : รักอาหารทุกอย่างของพวกคุณเลย
โจเซฟิน : ขอบคุณค่ะ
ล่าสุด Oh Wonder ประกาศว่าจะกลับมาเล่นคอนเสิร์ตที่กรุงเทพในวันที่ 4 กันยายน 2020 ในขณะที่อัลบั้มล่าสุด No One Else Can Wear Your Crown มีกำหนดออกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2020