Dayglow ศิลปินอินดี้ป็อปผู้ยืนหยัดในวิถี DIY
วงการเพลงกลางยุค 2010s ถือเป็นช่วงเวลาที่ศิลปินคลื่นลูกใหม่แจ้งเกิดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากมาย หนึ่งในช่องทางที่น่าสนใจคือ YouTube Algorithm ที่แนะนำศิลปินแนวใกล้เคียงกับสิ่งที่คนฟังชื่นชอบ ซึ่งหนึ่งในศิลปินที่ได้รับการค้นพบผ่านช่องทางนี้คือ Dayglow
Dayglow คือโปรเจกต์ของ Sloan Struble นักดนตรีหนุ่มผู้มากพรสวรรค์จากเท็กซัส ที่โดดเด่นด้วยความสามารถในการเล่นดนตรีหลากหลายชนิด และทำเพลงทั้งหมดด้วยตนเอง
โดยเพลงที่เปลี่ยนชีวิตเขาอย่าง "Can I Call You Tonight?" กลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ โด่งดังผ่าน YouTube ด้วยสไตล์ bedroom pop ที่มอบความรู้สึกเป็นธรรมชาติและอบอุ่นอย่างน่าทึ่ง
กระแสความนิยมของ "Can I Call You Tonight?" เปิดทางให้ Dayglow ไปแสดงในเทศกาลดนตรีชื่อดังทั่วโลก มีทัวร์คอนเสิร์ตของตัวเอง และเป็นเจ้าของสตูดิโออัลบั้มถึง 4 ชุด ได้แก่ Fuzzybrain, Harmony House, People in Motion และอัลบั้มล่าสุดที่ใช้ชื่อเดียวกับศิลปิน Dayglow
ในโอกาสที่ Dayglow เพิ่งมาแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทยที่งาน PELUPO 2025 เสพย์สากลได้มีโอกาสสัมภาษณ์ Sloan Struble หลังจากการแสดง นอกจากประสบการณ์ประทับใจในเมืองไทย เขายังได้พูดถึงอัลบั้มล่าสุด ความกดดันจากความสำเร็จ รวมถึงการยืนหยัดในแนวทาง DIY ที่หล่อหลอมให้เขาประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
เล่าถึงความรู้สึกที่ได้มาเยือนประเทศไทยครั้งแรกให้เราฟังหน่อย
ส่วนตัวผมเป็นคนชอบอาหารไทยมากครับ ผมเลยรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาทานอาหารไทยถึงประเทศไทย และประสบการณ์ทีไ่ด้มาก็ยอดเยี่ยมจริงๆ ผมไม่รู้ว่าควรคาดหวังอะไรก่อนมา แต่ทุกอย่างเกินความคาดหมาย ทุกคนใจดีมาก สถานที่สวยงาม และพวกเรามีความสุขตลอดการเดินทางเลยครับ
การแสดงที่ PELUPO 2025 เป็นโชว์ครั้งแรกในไทยของคุณ โชว์นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
โชว์ยอดเยี่ยมมากครับ ผู้ชมก็เจ๋งมาก วันนั้นเป็นวันที่ดีมาก ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ นะ เพราะเราไม่ได้เล่นโชว์มาพักใหญ่แล้ว นี่เป็นโชว์แรกของปีนี้เลย มันให้ความรู้สึกสดใหม่และน่าตื่นเต้น แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกคุ้นเคย เหมือนเคยเล่นที่นี่มาก่อน เพราะมีคนมาดูและพวกเขาร้องเพลงตามได้ มันเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันแปลกๆ แต่สนุกมากครับ
อะไรคือข้อแตกต่างระหว่างการเล่นคอนเสิร์ตเดี่ยวกับการเล่นในเทศกาลดนตรี
ผมได้พูดคุยกับศิลปินหลายคนถึงเรื่องนี้เหมือนกันครับ พวกเขารู้สึกว่าการแสดงในเทศกาลดนตรีแตกต่างจากการจัดคอนเสิร์ตของตัวเองมาก แต่สำหรับผมแล้ว ทั้งสองแบบค่อนข้างคล้ายกัน เพียงแต่เทศกาลดนตรีจะมีศิลปินคนอื่นๆ ขึ้นบนเวทีด้วย เช่นที่ PELUPO 2025 ผมต้องจบการแสดงเร็วกว่าที่วางแผนไว้ ผู้ชมอาจไม่ทันสังเกต แต่ผมได้ยินทีมงานแจ้งผ่านหูฟังว่า "ต้องจบการแสดงแล้ว" (หัวเราะ)
ขณะส่วนที่เหมือนกันผมมองว่าโชว์ของผมเน้นสร้างพลังงานบวก การเต้น และความสนุกสนาน ซึ่งเข้ากับบรรยากาศเทศกาลดนตรีได้เป็นอย่างดี ผมเลยชอบการแสดงทั้งสองรูปแบบ และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ขึ้นแสดงในสถานที่ๆ แฟนเพลงอยากให้ผมไปเล่น
การที่คุณตั้งชื่ออัลบั้มล่าสุดด้วยชื่อศิลปิน Dayglow นั่นหมายความว่านี่น่าจะเป็นอัลบั้มที่นิยามตัวตนของคุณได้ชัดเจนที่สุดใช่ไหม
ใช่ครับ ผมคิดว่านั่นเป็นวิธีอธิบายตัวตนของผมได้ชัดเจน ผมมักจะรู้สึกไม่มั่นใจและคิดว่าความสำเร็จนี้ไม่ใช่เรื่องจริง
อัลบั้มแรกของผม "Fuzzybrain" ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เกิดขึ้นโดยบังเอิญตอนผมยังเรียนมัธยม ผมทำเพลงโดยไม่ได้คาดหวังว่าจะกลายเป็นอาชีพ ไม่เคยคิดว่าจะได้มาประเทศไทย หรือได้มีโอกาสมาสัมภาษณ์กับคุณในตอนนี้
ผมใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะยอมรับความจริงว่าผมเป็นศิลปินและมีแฟนคลับในประเทศไทยที่รอผมอยู่ ความรู้สึกนี้เพิ่งชัดเจนสำหรับผมเมื่อไม่นานมานี้ ระหว่างทำอัลบั้มใหม่ นี่จึงเป็นเหมือนการเริ่มต้นใหม่ที่มีความหมายสำหรับผมมาก
คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าคุณเคย "ติดกับดักเกี่ยวกับกระบวนการสร้างสรรค์" และอัลบั้มนี้เหมือนกับการปลดล็อค ช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้เห็นภาพหน่อยได้ไหมครับ?
ผมคิดว่าเราสามารถกังวลได้ง่ายมากเกี่ยวกับความสำเร็จ เช่น กลัวว่าเพลงจะไม่เป็นที่นิยม ไม่ได้กลายเป็นไวรัลบน TikTok หรืออัลบั้มใหม่จะไม่มีเพลงฮิตเลย แต่ตอนนี้ผมไม่กังวลกับเรื่องพวกนั้นแล้ว ผมไม่ยึดติดกับความสำเร็จในอาชีพมากเกินไป ผมแค่เป็นตัวของตัวเองและเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่ผมควรทำ อัลบั้มนี้สะท้อนตัวตนของผมมากกว่าที่เคยเป็นมา คุณก็แค่เป็นตัวเองและปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
หากพูดถึงสไตล์การทำเพลง ช่วงเริ่มต้นคุณเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินที่ทำเพลงด้วยตัวคนเดียว ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ จนถึงวันนี้วิธีทำเพลงของคุณมีความแตกต่างจากอดีตมากไหมครับ
กระบวนการทำเพลงของผมไม่ได้เปลี่ยนไปมาก ต่างกันเพียงว่าตอนนี้ผมมีอุปกรณ์ทำเพลงหลากหลายขึ้น แต่แก่นของการทำงานยังเหมือนเดิม
ผมยังคงทำเพลงที่บ้านด้วยตัวเองเหมือนตอนเริ่มต้น สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือมีคนสนใจผลงานมากขึ้นและรอฟังเพลงใหม่ แต่ผมยังคงทำเพลงในห้องนอนและทำงานคนเดียวเหมือนเดิม โอเค อีกอย่างที่ต่างกัน ผมว่าผมตัวสูงขึ้นครับ (หัวเราะ)
สไตล์การทำเพลง Dayglow ทำให้ผมนึกถึงศิลปินอย่าง Kevin Parker (Tame Impala) ที่ทำงานด้วยตัวคนเดียวเช่นกัน ในมุมมองของคุณการทำงานแบบบินเดี่ยวมีข้อดีหรือข้อเสียบ้างไหม
นั่นเป็นคำถามที่ดีมากครับ ผมไม่เคยอยู่ในวงดนตรีมาก่อน เลยไม่รู้ว่าการทำงานในวงเป็นแบบไหน แต่ผมคิดว่าผมชอบวิธีที่ผมทำงานตอนนี้มากกว่า ทั้งสองแบบมีข้อดีในตัวเอง แต่ข้อดีของการทำงานคนเดียวสำหรับผมคือ ผมทำงานได้เร็วมาก และมีภาพในหัวชัดเจนว่าต้องการให้ผลงานออกมาแบบไหน ผมยังสามารถควบคุมทุกส่วนได้เองอย่างอิสระ
ไม่ใช่แค่เฉพาะเพลงนะครับ แต่รวมถึงภาพรวมทั้งหมด เอ็มวีผมก็เป็นคนตัดต่อเอง เพราะมันง่ายกว่าที่ผมจะลงมือทำเองแทนที่จะต้องอธิบายแนวคิดให้คนอื่นเข้าใจ ถ้าอยู่ในวงดนตรี ผมจะต้องหารือและอธิบายความคิดกับเพื่อนร่วมวง สำหรับผมก็แค่ลงมือทำได้เลย ไม่แน่บางทีในอนาคตผมอาจจะได้ลองทำดูบ้าง แต่ใครจะไปรู้อนาคตล่ะ
ผมเคยอ่านในเว็บไซต์ Reddit ที่คุณได้พูดถึงศิลปินที่คุณชื่นชอบ หนึ่งในนั้นคือวงญี่ปุ่น Yellow Magic Orchestra
พวกเขาเป็นวงดนตรีระดับตำนานของญี่ปุ่นครับ ผมชอบ Yellow Magic Orchestra มาก พวกเขาเจ๋งมากจริงๆ Haruomi Hosono เป็นหนึ่งในสมาชิกวง และผมชอบผลงานเดี่ยวของเขาด้วย
อีกวงที่ผมชอบคือ Sunset Rollercoaster ที่มาจากไต้หวัน พวกเขาทำเพลงได้ยอดเยี่ยมมาก ผมชอบอัลบั้มล่าสุดของพวกเขามากๆ จริงๆ ผมชอบฟังศิลปินเอเชียอีกหลายวง แต่ชื่อของพวกเขาใน Spotify ไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ผมจำชื่อไม่ได้ แต่ผมชอบเพลงของพวกเขามากครับ
ตลอดเส้นทางการดนตรีของคุณมีความท้าทายอะไรบ้างที่คุณต้องเผชิญ เช่นอาการหมดไฟ หรือการที่โซเชียลมีเดียอย่าง TikTok ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการโปรโมทผลงาน
มีช่วงเวลาหนึ่งที่ผมคิดว่าอุตสาหกรรมดนตรีเป็นวงการที่กดดันมาก โดยเฉพาะเรื่องโซเชียลมีเดีย บางครั้งผมก็แอบอิจฉาศิลปินยุคก่อนที่มีหน้าที่เป็นนักดนตรีเท่านั้น แต่คนเราย่อมมองว่าหญ้าอีกฝั่งอาจเขียวกว่าฝั่งตัวเองเสมอ
ขณะเดียวกันผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ YouTube และโซเชียลมีเดียมากๆ ครับ ที่ทำให้ผมสามารถสร้างอัลบั้มจากห้องนอนได้ แต่การทำคอนเทนต์สำหรับ TikTok นั้นเป็นงานที่หนักจริงๆ
ผมเข้าใจว่าทำไมศิลปินหลายคนถึงรู้สึกหมดไฟ แต่สำหรับผม ความเหนื่อยล้ามักเกิดจากการที่ผมกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับความสำเร็จ เช่น การขายบัตรคอนเสิร์ตให้หมด หรือจำนวนผู้ฟังในวันแรกที่ปล่อยเพลง เมื่อผมหยุดกังวลเรื่องพวกนั้นและมุ่งเน้นไปที่การทำเพลงอย่างเดียว ผมคิดว่าผมจะไม่มีวันหมดไฟ
ในฐานะที่คุณเคยเป็นศิลปินหน้าใหม่แจ้งเกิดอย่างงดงาม ช่วยปิดท้ายบทสัมภาษณ์นี้ด้วยคำแนะนำให้กับศิลปินรุ่นใหม่ๆ หน่อยครับ
ปัจจุบันมีเพลงและศิลปินมากมายหลากหลาย มันง่ายมากที่จะตกหลุมพรางของการเห็นศิลปินที่คุณชื่นชอบและคิดว่า "ฉันอยากทำแบบที่พวกเขากำลังทำ" ผมขอแนะนำว่า ให้แน่ใจว่าคุณสนุกกับการทำเพลงก่อน เพราะต่อมามันจะเป็นงานหนักมากขึ้น เช่น ต้องโพสต์โซเชียลมิเดียต่อเนื่อง หรือทำการตลาดอย่างแข็งขัน
คุณจำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้ แต่อย่ากังวลมากเกินไป พยายามสร้างเพลงที่แตกต่างและยังไม่มีใครทำ นี่คือเป้าหมายที่แท้จริง เมื่อผมเริ่มโปรเจกต์ Dayglow ผมเพียงต้องการทำเพลงที่ผมเองอยากฟัง เพราะผมรู้สึกว่ายังไม่มีเพลงแบบนี้ในวงการ
ขอให้สนุกกับการทำเพลงที่คุณรัก และไม่ต้องกังวลกับยอดสตรีมมิ่งมากนักก็พอครับ