ทำไมคนถึงเกลียด Nickelback ความดังระดับโลกกับกระแสความเหยียดหยาม

ถ้าจะพูดถึงนักดนตรีหรือวงดนตรีใดๆ ที่มนุษย์พร้อมใจกันเกลียดที่สุดในประวัติศาสตร์ มันก็คงจะหนีไม่พ้นวงดนตรีที่ดังเป็นพลุแตกช่วง 2000s อย่าง Nickelback ซึ่งถ้าถามหาหลักฐาน มันมีเต็มไปหมดตั้งมีมที่เต็มอินเทอร์เน็ต ไปจนถึงการไปโผล่เป็นมุกทั้งในซีรีส์และการ์ตูน

ว่าแต่ทำไมมันเป็นแบบนั้นล่ะ?

ถ้าถามคนทั่วไป เขาก็มักจะหาความเลวร้ายในตัวเพลงและภาพลักษณ์ของวง ซึ่งจริงๆ มันมีวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกจากฟินแลนด์ทำเรื่องนี้เลย ซึ่งถ้าพูดรวมๆ ก็คือ วงดนตรีวงนี้มัน “ดูฝืนในทุกมิติ” ไม่ว่าจะเพลงและภาพลักษณ์ แต่มันดังดังมาก คนเลยชอบเอามาด่าแบบเหยียดหยาม

มันมีอีกคำอธิบายว่า จริงๆ กระแสเกลียดจริงๆ มันก่อตัวมาจากสายเมทัล เพราะวงนี้ดันไปเซ็นสัญญาเข้าค่ายเมทัลอย่าง Roadrunner Records ในปี 1999 ซึ่งถ้าใครพอมีความจำ ช่วง 1990s ค่ายนี้ตัวโหดเลย ออกแต่งานโหดๆ

และนี่ทำให้วง “โพสต์กรันจ์” อย่าง Nickelback เข้าไปในค่ายนี่กลายเป็นวงป็อปไปเลย พูดง่ายๆ คือแฟนๆ ค่าย Roadrunner ดูจะไม่ต้อนรับวงนี้เข้าค่ายนั่นเอง

แต่ก็นั่นเอง ปี 2001 อัลบั้มแรกที่ออกกับ Roadrunner อย่าง Silver Side Up ดันดังระเบิดพร้อมๆ กับซิงเกิล "How You Remind Me" พวกสายเมทัลก็เลยน่าจะยิ่งเกลียด

แต่มันเป็นแบบนั้นจริงเหรอ เพราะถ้าใครจำช่วงนั้นนั้น กระแสเกลียด Nickelback ยังไม่มีกว้างขวางแน่ๆ และตอนนั้นทุกคนที่ฟัง "How Your Remind Me" ก็ไม่ได้น่ะจะรู้สึกรังเกียจอะไร ก็แค่รู้สึกว่ามันเป็นโมเดิร์นร็อคทั่วไป ที่ไม่ได้น่าพูดถึง แต่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจ ซึ่งถ้าเราไปค้นข้อมูลยุคนั้น เราก็จะไม่ได้เห็นว่ามีใครเกลียด Nickelback จริงจังอะไรทั้งนั้น

แต่แล้วคนมันก็ช่างค้นจริงๆ คนมันไปค้นเจอว่าจริงๆ มุกที่เล่นแซะ Nickelback มันถูกบันทึกไว้ว่าเล่นครั้งแรกในปี 2003 ในรายการ Tough Crowd with Colin Quinn ช่อง Comedy Central อันเป็นช่องรายการตลกของอเมริกา

มีช่วงนึงที่บทสนทนาของรายการพูดถึง “งานศึกษา” ที่ตีพิมพ์ในปีนั้นที่เสนอว่าบทเพลงรุนแรงทำให้คนมีพฤติกรรมรุนแรง โดยมันมีคนเล่นมุกว่า “ทำไมมันไม่มีใครวิจัยว่าเพลงห่วยๆ ก็ทำให้คนมีพฤติกรรมรุนแรงมั่งวะ เนี่ย กูฟัง Nickelback แล้วแม่งอยากไปฆ่า Nickelback เลย”

มุกนี้ก็น่าจะฮามากยุคนั้น ถูกตัดเป็นสปอตโฆษณาของช่องเลยช่วงนึ่ง และนี่แหละที่น่าจะเป็น “จุดเริ่มต้น” ของกระแสเกลียด Nickelback ที่กลายมาเป็น “มีม” ไปแล้วในปัจจุบัน

ซึ่งสุดท้าย ก็ต้องไม่ลืมว่า ปรากฎการณ์พวกนี้มันเกิดในยุคอินเทอร์เน็ตกว้างขวางแล้ว ดังนั้น “ความเกลียด” นี้ก็น่าจะแพร่กระจายกันตามอินเทอร์เน็ต โดยวัฒนธรรมการยกอะไรสักอย่างมาเป็น “ตัวตลก” นี่ก็คงจะเป็นเรื่องที่เราคุ้นตาแบบไม่ต้องอธิบายมากอยู่แล้วในยุคนี้

และก็นั่นแหละ Nickelback ก็อาจดัน “อยู่ถูกที่ถูกเวลา” เกิน เลยตกเป็น “ตัวตลก” ของชาวเน็ตไป แต่ก็เอาเถอะ วงมันดังขนาดนั้น กวาดเงินและรางวัลไปขนาดนั้น จะเป็น “ตัวตลก” สักหน่อยก็คงไม่ได้คอขาดบาดตายอะไร

Writer : FxxkNoEvil