สัมภาษณ์: Pink Sweat$ ศิลปินอาร์แอนด์บีผู้หวังเปลี่ยนโลกเป็นสีชมพู
Pink Sweat$ มีชื่อจริงว่า David Bowden เขาเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจ มีซิงเกิ้ลฮิตอย่าง “Honestly” เป็นเพลงแจ้งเกิด ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยการโผล่ติดชาร์ตเพลง Top 10 ที่มีคนฟังมากที่สุดของ Spotify ในสหรัฐอเมริกา
จุดเด่นของ Pink Sweat$ คงหนีไม่พ้นเสียงร้องที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบอาร์แอนด์บี นอกจากนี้เพลงที่เขาเพิ่งปล่อยออกมา เช่น "17", "At My Worst" รวมถึงอัลบั้มอีพี The Prelude ก็ได้ผลตอบรับที่น่าพอใจ
ล่าสุดเสพย์สากลได้มีโอกาสพูดคุยกับ Pink Sweat$ ถึงเส้นทางอาชีพศิลปิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุปสรรคหรือความสำเร็จ รวมถึงประเด็นที่เขาช่วยแชร์ประเด็นสถานการณ์ในเมืองไทย #WhathappensInThailand จนกลายเป็นเรื่องถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์
คุณคิดชื่อ Pink Sweat$ ขึ้นมาได้อย่างไรกัน
ผมไม่ได้คิดขึ้นมาเองหรอกครับ มีคนอื่นเรียกผมว่า Pink Sweat$ เพราะผมใส่สเวตเตอร์สีชมพูตลอดเวลาน่ะครับ คือผมมีสเวตเตอร์สีชมพูอยู่ตัวเดียว ใส่ไปที่สตูดิโอทุกวัน เลยมีคนเรียกผมแบบนั้น ผมชอบชื่อนั้นมากเลยนะ
ทราบมาว่าคุณเป็นโรคอะคาเลเซีย คุณได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้อย่างนั้นเหรอครับ ผมได้เรียนรู้ว่าชีวิตมันสั้นมาก และคุณต้องใช้มันอย่างมีความสุข คุณต้องทำในสิ่งที่คุณชอบ ต้องตามหาความฝันของคุณ แต่คุณก็ต้องไม่ลืมที่จะใจดีกับทุกคน ส่งความรักไปให้คนรอบตัว เพื่อที่วันหนึ่งคนเหล่านั้นจะส่งความรักกลับมาหาคุณ มันอาจจะไม่ใช่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือปีนี้ แต่เดี๋ยวพวกเขาก็ส่งกลับมาเองนั่นล่ะครับ
คิดว่าเหตุผลที่เพลง "Honestly" ประสบความสำเร็จขนาดนี้นี่เป็นเพราะอะไรกัน
ผมคิดว่าเสียงเพลงมันเพราะน่ะ มันเป็นเสียงที่ปลอบประโลมใจ ทันทีที่คุณได้ยินเพลงนี้ คุณก็จะไม่สนใจหรอกว่ามันเป็นเพลงของใคร แต่คุณจะชอบมัน คิดว่าเป็นแบบนี้ครับ
ตอนนี้คุณออกอีพีอัลบั้มมาสามชุดแล้วนะ เราหวังอัลบั้มเต็มจากคุณได้เมื่อไหร่กัน
ในอีกไม่กี่เดือนนี่ล่ะครับ สิ้นปีนี้แหละ เอาจริงๆ
เห็นว่าสื่อหลายแห่งลงความเห็นว่าคุณเป็นศิลปินอาร์แอนด์บีที่โดดเด่นมากในยุคนี้ คุณคิดอย่างไรกับคำชมนี้
เรื่องใหญ่มากเลยนะนั่น ผมคิดว่าผมไม่อยากจะยึดติดกับตำแหน่งอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่หรอกครับ ผมหวังว่าทุกคนจะรักผลงานที่ผมทำไปเรื่อยๆ ผมไม่อยากไปโฟกัสกับเรื่องตำแหน่งสักเท่าไหร่หรอกครับ
ความใฝ่ฝันสูงสุดของคุณในฐานะศิลปินคืออะไร
ความใฝ่ฝันสูงสุดของผมในฐานะศิลปินคือการได้รักคนอื่น อธิบายงี้นะ ในประเทศอเมริกา มันจะมีบางคนที่บอกว่า ผมเจ๋งเกินกว่าที่ใครจะต้องมารักผม ผมหยิ่งพอ อะไรประมาณนี้ ไม่รู้สิ ผมอยากให้ทุกคนคิดว่าความรักเป็นเรื่องเจ๋ง เรื่องที่ดี เรื่องที่สวยงามน่ะครับ
คุณออกมาพูดถึง #WhathappensInThailand เมื่อสักพักหนึ่งมาแล้ว คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร และคุณคิดอย่างไรกับสถานการณ์นี้
เพื่อนผมบอกมาน่ะครับ และในประเทศสหรัฐอเมริกาเราก็มีประเด็นคนผิวสีหนักๆ อยู่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันนะ ผมแค่อยากปฏิบัติต่อคนอื่นเหมือนที่อยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อผมน่ะครับ ดังนั้น เมื่อผมรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้น ผมก็อยากจะเป็นหนึ่งในคนที่ออกมาพูด หรือมีปฏิกิริยาอะไรกับเรื่องเหล่านั้นบ้างน่ะครับ จริงๆ แล้วมีคนสนับสนุนผมมาก่อน ผมเลยอยากตอบแทนต่อๆ ไปน่ะครับ คุณเข้าใจเนอะ ผมอยากทำอะไรๆ และหวังว่ามันจะแพร่กระจายต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้นเองครับ ผมภาวนาให้ทุกคนในประเทศไทยเสมอครับ
ขอบคุณจริงๆ นะ พวกเราดีใจมาก คำถามถัดไป คุณคิดอย่างไรเวลามีคนเดินมาบอกคุณว่าเพลงของคุณช่วยฉุดเขาขึ้นมาจากปัญหาต่างๆ ที่เขาเผชิญอยู่ เชื่อว่ามีคนบอกคุณแบบนั้นบ่อยๆ แน่เลย ใช่ไหม
ผมก็แค่ยิ้มรับ เพราะจุดประสงค์หลักของผมคือการทำให้คุณยิ้มได้ไง ดังนั้น ผมอยากให้ทุกคนรู้สึกดี มีความสุข แม้แต่ในเวลาที่ทุกอย่างไปได้สวย ผมก็ยังอยากให้ทุกคนที่ได้ยินเพลงของผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกนวดน่ะ เหมือนชีวิตถูกนวด นวดให้ปัญหาทุกอย่างหายไปหมด สำหรับผมนะ ผมว่าบางครั้ง สมองก็ต้องการการปลอบประโลมเหมือนกันนะ มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นตั้งเยะแยะในวันหนึ่งๆ คุณเอามือไปนวดสมองจริงๆ ไม่ได้อยู่แล้ว ดนตรีทำหน้าที่นั้นแทนมือของคุณไง แค่ฟังเพลงสองนาที คุณก็สงบลงได้แล้ว
บอกอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทยหน่อยสิ
ผมอยากจะบอกว่า โลกสีชมพูกำลังจะไปหาคุณนะ ขอบคุณทุกคนที่รอคอยกัน อดทนรออีกนิดนะครับ คุณจะรักอัลบั้มนี้ คุณจะร้องไห้ไปกับมัน หัวเราะไปกับมัน ยิ้มไปกับมัน และคุณจะตกหลุมรักมันอย่างแน่นอนครับ
แปล/เรียบเรียง: Maya