เสพย์สากล
News Column Interview Review Songs

Passenger เจ้าของบทเพลงเปลี่ยนชีวิต "Let Her Go" สู่คอนเสิร์ตครั้งแรกที่ไทย

13:58 PM (7 ชั่วโมงที่แล้ว)

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนของคุณ

Michael David Rosenberg หรือที่รู้จักในนาม Passenger เป็นศิลปินโฟล์กเจ้าของเพลงชื่อดัง "Let Her Go" ทุกวันนี้เขายังออกอัลบั้มออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัลบั้มล่าสุด One for the Road (Songs from the Unlikely Pilgrimage of Harold Fry the Musical) ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหม่ที่พาเขาก้าวเข้าสู่โลกของละครเพลงเป็นครั้งแรกในชีวิต

เพลง "Let Her Go" ของ Passenger ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพลงฮิตชั่วครั้งชั่วคราว ด้วยเนื้อหาที่เศร้าซึ้งและสะท้อนความรู้สึกของการมาเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ ในวันที่มันจากไปแล้ว เพลงนี้จึงกลายเป็นผลงานเหนือกาลเวลา และที่สำคัญ มันคือเพลงที่เปลี่ยนชีวิต Michael David Rosenberg จากนักดนตรีข้างถนนสู่ศิลปินที่มีเพลงดังก้องไปทั่วโลก

Passenger จะมาจัดคอนเสิร์ตในเมืองไทยในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ที่ Phenix Grand Ballroom เราจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาถึงทีมรักอย่างอาร์เซนอล อดีตสมัยนักดนตรีข้างถนน รวมถึงบทเพลงที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาลอย่าง "Let Her Go"

ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเรื่องเพลงและคอนเสิร์ต ขอคุยเกี่ยวกับฟุตบอลก่อนได้ไหม เพราะคุณเป็นแฟนบอลอาร์เซนอลตัวยงเลย

แน่นอน! ได้เสมอ

ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีที่ตอนนี้อาร์เซนอลอยู่อันดับ 1 ของตารางพรีเมียร์ลีก

ขอบคุณมากครับ นี่เป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยกันดี พวกเราสามารถขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ได้ในช่วงต้นฤดูกาล แต่ไม่เคยรักษาฟอร์มไว้ได้จนจบ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้ดีมาก ผ่านมานานมากแล้วนับตั้งแต่อาร์เซนอลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสำหรับฤดูกาลนี้ (ยกมือขอพรจากพระเจ้า) ผมขอให้เป็นปีของพวกเราเถอะ

หากคุณต้องเลือกเพื่อนไปเตะบอล 4 คน เจอกับทีมอื่น โดยเลือกได้เพียงนักเตะอาร์เซนอลยุคไหนก็ได้ ได้แก่ ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า คุณจะเลือกใครบ้าง

ก่อนจะเลือกนักเตะเข้าทีม ขอบอกเลยว่าผมเตะบอลห่วยมาก ไม่รู้จะเล่นตำแหน่งไหนด้วยซ้ำ ต้องขอโทษเพื่อนร่วมทีมอาร์เซนอลไว้ก่อนเลย

ผู้รักษาประตู: David Seaman ตอนที่ผมยังเด็ก เขาเป็นผู้รักษาประตูอาร์เซนอลคนแรกที่ผมรู้จัก เขาเก่งมากจริงๆ

กองหลัง: William Saliba ผมชอบเขามากๆ กองหลังที่มีคลาส ฉลาด และสง่างาม

กองกลาง: เอาจริงๆ ยากนะครับ เพราะทีมเรามีกองกลางดีๆ ให้เลือกเยอะมาก ถ้าผมต้องเลือกคงเป็น Patrick Vieira เขามีทุกอย่างที่ครบถ้วน ทั้งร่างกายที่ทรงพลังและชั้นเชิง ผมชอบเวลาเขาลงเล่นคู่กับอองรี มีเคมีที่ดีมาก

กองหน้า: ตอนนี้เรามีผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลางครบแล้ว ส่วนกองหน้า ไม่ต้องถามเลย! ต้องเป็น Thierry Henry นักบอลที่เล่นได้สวยงามที่สุดตั้งแต่ผมดูบอลมา สวยงามเหมือนบทกวี

ก่อนที่คุณจะโด่งดังในฐานะศิลปินนาม Passenger คุณเคยเล่นดนตรีข้างถนนมาก่อน คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากประสบการณ์ครั้งนั้น

สอนผมหลายอย่างเลยครับ อย่างแรกเลยคือความถ่อมตัว ผมใช้เวลาเล่นดนตรีข้างถนนเป็นเวลากว่า 5 ปี เดินทางไปในแต่ละประเทศ เล่นตามหัวมุมถนน บางครั้งก็ประสบความสำเร็จ มีคนมาดูเยอะมาก ได้เงินบ้าง เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก แต่ก็มีบางครั้งที่ฝนตกตลอดวัน ไม่มีใครอยากฟังคุณเลย

ทุกวันไม่เหมือนเดิม แต่มันก็สอนคุณมากมายเหลือเกิน สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมได้เรียนรู้คือความถ่อมตัว และการรู้จักมีความสุขกับความเรียบง่ายของชีวิตครับ ตอนนั้นผมไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีบ้านอยู่ แต่ก็ยังคงมีอิสระ การได้อยู่กับความเรียบง่าย นั่นคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งนั้น

ช่วงเวลานั้นคุณได้ไปเล่นที่ประเทศไหนบ้าง แล้วมีประเทศไหนที่เป็นประเทศโปรดไหม

ผมไปเล่นที่ออสเตรเลียบ่อยมาก สำหรับการเล่นดนตรีข้างถนนแล้ว เรื่องสภาพอากาศนี่สำคัญมากๆ เลย อย่างที่อังกฤษฝนตกตลอด แต่ออสเตรเลียอากาศแจ่มใส ผู้คนก็ชอบดนตรีแนวที่ผมเล่น ผมรู้สึกว่าผมมีฐานแฟนเพลงที่ออสเตรเลียที่เหนียวแน่นมาก พวกเขารักเพลงผมอย่างจริงใจ น่าจะเป็นเหตุผลที่ผมนึกถึงออสเตรเลียเป็นประเทศแรกครับ

คุณเป็นศิลปินที่ปล่อยอัลบั้มอย่างต่อเนื่อง มีบางช่วงที่คุณปล่อยอัลบั้มเกือบทุกๆ ปีเลย อะไรคือเหตุผลที่คุณสามารถปล่อยเพลงได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่จำเป็นต้องพักเป็นเวลานาน

ผมเป็นคนเขียนเพลงเยอะมากครับ ศิลปินแต่ละคนก็แตกต่างกัน บางคนต้องเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเพื่อเขียนเพลงหรืออัลบั้ม แต่สำหรับผม ผมเขียนเพลงตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ผมมองว่าเราต้องใช้ชีวิต รับความรู้สึกต่างๆ แล้วแสดงออกมาในรูปแบบเพลง

ตอนผมอายุ 20-30 ปี ผมเขียนเพลงเยอะมากๆ แต่ตอนนี้ผมว่าเริ่มช้าลงแล้ว ผมมีลูก มีครอบครัว ตอนนี้มันเปลี่ยนไปครับ จากที่เมื่อก่อนอยู่กับดนตรีอย่างเดียว ตอนนี้เรามีหลายอย่างที่ต้องทำนอกเหนือจากนั้น แต่ผมก็รักดนตรีเหมือนเดิม การเขียนเพลงคือการทำความเข้าใจตัวเอง ทำความเข้าใจโลกใบนี้

ในแต่ละเพลง ผมได้ใส่อารมณ์ ใส่ถ้อยคำ ใส่ความฝัน ใส่ความกลัว ต้องขอบคุณที่ทำให้ผมมีโอกาสได้สร้างสรรค์บทเพลงเหล่านี้ขึ้นมา

หลังจากที่คุณปล่อยเพลง "Let Her Go" เพลงนี้ก็เปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล คุณเห็นด้วยไหมว่าเพลงนี้คือเพลงที่เปลี่ยนชีวิตของคุณ

เห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ มันคือเพลงที่ดึงผมจากคนเล่นดนตรีข้างถนน มาได้เล่นบนเวทีระดับ Theater ในทุกๆ ที่ ผมโชคดีมากๆ ที่ได้เป็นเจ้าของเพลงแบบนี้ เพราะมีศิลปินหลายคนที่สร้างสรรค์บทเพลงชั้นยอด แต่กลับไม่มีคนได้ยิน

ผมมองว่า "Let Her Go" เป็นบทเพลงที่จักรวาลเลือก เพลงที่อยู่ในจังหวะและช่วงเวลาที่เหมาะสม สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือ มันเป็นเพลงที่สามารถไปถึงทุกมุมโลก ไม่ใช่แค่อยู่ในอเมริกาหรืออังกฤษ ผมได้รับจดหมายจากคนทั่วโลกเกี่ยวกับเพลงนี้ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมภูมิใจมากๆ เพราะถ้าคุณสามารถเข้าถึงผู้คนทั่วโลกด้วยเพลงแค่ 3 นาที นั่นคือสิ่งที่วิเศษราวกับเวทมนตร์เลยครับ

ผมว่า "Let Her Go" คือเพลงระดับ Timeless Song (เพลงเหนือกาลเวลา) ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เพลงนี้ก็จะอยู่กับเราตลอดไป

ขอบคุณครับ ผมภูมิใจกับเพลงนี้มากๆ ดีใจที่ผมได้เป็นคนเขียนมันขึ้นมา มันช่วยเปิดประตูหลายบานให้ผม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมก็ยังรู้สึกขอบคุณเพลงนี้อยู่เสมอครับ

สำหรับอัลบั้มล่าสุด One for the Road (Songs from the Unlikely Pilgrimage of Harold Fry the Musical) น่าจะเป็นครั้งแรกที่คุณเขียนเพลงให้กับละครเพลง ถือเป็นผลงานที่ท้าทายสำหรับคุณไหม

มากเลยครับ ท้าทายมากๆ ในฐานะ Passenger เราเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ได้ที่ใจเราอยากเขียน และเมื่อผมมีเพลงที่เพียงพอก็ออกอัลบั้ม เป็นวัฏจักรแบบนั้นครับ

แต่ละครเพลงต่างออกไปเลย คุณต้องเขียนเพลงให้กับตัวละครในเรื่องและเรื่องราว เพลงจะต้องเฉพาะเจาะจง เช่น คนนี้ต้องร้องเพลงนี้ คนๆ นี้ต้องรู้สึกแบบนี้ ยากมากๆ เลยในการเลือกเสียงให้เข้ากับตัวละคร แต่มันก็ท้าทายและคุ้มค่ามากๆ

ผมว่ามันสำคัญมากๆ ในฐานะศิลปินที่ต้องท้าทายตัวเองอยู่เสมอ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดความเฉื่อยชา การทำอัลบั้มนี้ท้าทายผมมากๆ เลยครับ

ในคอนเสิร์ตคุณมักเล่นเพลง “The Sound of Silence” อยากรู้ว่า Simon & Garfunkel มีความหมายกับคุณอย่างไร

ผมรักพวกเขามากๆ ตอนผมเด็กๆ พ่อของผมจะเปิดเพลง Simon & Garfunkel ให้ฟังเสมอ ผมเติบโตมาพร้อมกับการฟังเพลงของพวกเขา เวลาออก Road Trip ก็จะมีเพลงของพวกเขาเสมอ

ตอนที่ผมเล่นดนตรีข้างถนน ผมจะเล่นเพลงคัฟเวอร์ใช่ไหม และในนั้นก็จะมีเพลงของ Simon & Garfunkel เสมอ เวลาผมเล่น "The Sound of Silence" จะมีฝูงชนมาล้อมวงดู เพราะทุกคนรู้จักเพลงนี้ และผมก็ไม่ลืมที่จะนำเพลงนี้ไปเล่นในคอนเสิร์ตของผมด้วย เป็นเพลงที่พิเศษมากๆ เลย และผมมีแผนที่จะเล่นในคอนเสิร์ตที่กรุงเทพด้วยครับ

คุณเคยมาเมืองไทยมาก่อนไหม

เคยครับ หลายครั้งด้วย ทั้งกรุงเทพฯ ภูเก็ต และผมก็เคยไปเกาะที่อยู่ใกล้กับมาเลเซีย ใกล้ลังกาวี อาหารที่เมืองไทยอร่อยมาก เมืองไทยเป็นประเทศที่สวยงามมาก

ฝากถึงแฟนเพลงชาวไทยปิดท้ายหน่อยครับ

ขอบคุณทุกคนที่ฟังเพลงของผมนะครับ ดีใจมากที่ครั้งนี้มีโอกาสได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทย ตื่นเต้นมากๆ เลย แล้วเจอกันที่คอนเสิร์ตนะครับ

เตรียมพบกับคอนเสิร์ตของ Passenger ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ที่ Phenix Grand Ballroom บัตรจำหน่ายแล้วทาง Thaiticketmajor ติดตามรายละเอียดคอนเสิร์ตได้ที่ ‘THE DnD’ Official Account ทุกช่องทาง

#INTERVIEW #PASSENGER

แชร์บทความนี้ให้เพื่อนของคุณ

Recommended

แปลเพลง : emi choi - what if we? ถ้าหากเรา? แปลเพลง : Guns N' Roses - November Rain ฝนเดือนพฤศจิกา Mew พูดคุยกับ Jonas Bjerre ถึงคอนเสิร์ตอำลาครั้งสุดท้ายของวง Plastic Plastic ปล่อยอัลบั้มใม่ Alive ชวนให้กันกลับมารักตัวเอง NewJeans แพ้คดีความต่อค่ายต้นสังกัด ADOR

Follow us on

  •  Facebook
  •  Twitter
  •  Instagram
  •  Youtube

ติดต่อเรา

  •  sepsakon@gmail.com

เสพย์สากล

Music in whatever